ใครที่อ่านบล็อกผมบ่อย ๆ คงจะเคยได้ยินว่าผมอ้างถึงหนังสือเล่มนึงบ่อย ๆ ชื่อ Whatever You Think, Think The Opposite. คือไม่ว่าคุณจะคิดอะไรลองคิดกลับด้านดูสิ เจ้าของหนังสือเล่มนี้คือ Paul Arden อดีตคนทำงานโฆษณาระดับปรามาจารย์อีกคนของอเมริกา
จริง ๆ แล้วผมไม่ได้สนใจเรื่องโฆษณาเท่าไหร่หรอกครับ แต่เรื่องไอเดียกับความสุดโต่งในหนังสือเล่มนี้ต้องยกให้เขาเลย เล่มนี้แนะนำครับ ว่าแล้วก็ยกตัวอย่าง แปลกันให้อ่านสักตอน (อย่าเขียนอีเมล์ไปฟ้องเขาเชียวนาคุณ)
A Flop. ความล้มเหลว?
ย้อนวันเวลากลับไปเมื่อปี 1968 กับการแข่งขันกระโดดสูงในโอลิมปิกที่เม็กซิโก ซิตี้ตอนนั้นใครจะไปคิดว่าวิธีการกระโดดข้ามไม้กั้นแบบกบกระโดด คือเอาหน้าคะมำไปข้างหน้าจะกลายเป็นเพียงอดีต เมื่อนักกีฬาธรรมดา ๆ คนหนึ่งไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรมากมายกลับสร้างสถิติโลกด้วยการกระโดดสูงได้ถึง 7 ฟูตกับอีก 4 นิ้วครึ่ง (2.24 เมตร)ส่งผลให้เขาได้รับเหรียญทองโอลิมปิกในปีนั้นไป และแน่นอนครับ เขากลายเป็นตำนานเลยล่ะ
เขาคือ Dick Fosbury และท่าที่เขาใช้กระโดด (ดูภาพ) ก็ถูกเรียกว่า “Fosbury Flop” ซึ่งกลายเป็นท่าในตำนานที่นักกีฬาทั่วโลกหันมาใช้จนถึงทุกวันนี้ ตัวอย่างที่ยกมานี้เป็นเพียงตัวอย่างของเทคนิคในการคิด แต่อีกนัยหนึ่งมันคือเทคนิคในการคิดที่จะพลิกให้ Flop กลายมาเป็นความสำเร็จด้วยการคิดอะไรที่กลับข้างเสียบ้าง
ในเรื่องนี้ Paul Arden เขาเล่นคำครับ เพราะคำว่า Flop นั้นหมายถึง Failure ก็ได้ แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของชื่อ Fosbury Flop ด้วย ดังนั้นการที่เขาเล่าว่า Dick กระโดดได้สูงกว่าใครเพราะไอ้เจ้าท่า Flop นี่ก็ดูเท่ดีไม่หยอก ผมอ่านที่ Paul บอกมาแล้วก็นึกสนุกลองไปค้นประวัติของผู้ชายคนนี้เพิ่มเติมก็ยิ่งสนุกครับ
นาย Dick เนี่ยมมาแปลกครับ เขาฝึกฝนตั้งแต่อายุ 16 คิดมาหลายท่ามากว่าจะโดดท่าไหนดีถึงจะโดดได้สูง ๆ ไม่ใช่กระโดดไอ้ท่าเดิม ๆ แล้วมันก็สูงได้ไม่เท่าไหร่ และท้ายที่สุดเขาก็ตัดสินใจ (คิดกลับข้าง)กระโดดสปริงตัวหันหลังพับขา ทำให้เขาโดดได้สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์! โอ้ นี่ล่ะหนอพลังของการคิดกลับข้าง เจ๋งจริงเน้อ