นายวิเชียร เมฆตระการ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า หลังจากที่การใช้งานข้อมูล (Data) เริ่มได้รับความนิยมมาตั้งแต่ปี 2546 เอไอเอสได้พัฒนารากฐานการใช้งานดังกล่าวด้วยการติดตั้งเทคโนโลยี EDGE จนกระทั่งครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศเป็นรายแรกในขณะนี้ ให้ความรวดเร็วในการใช้งานข้อมูลสูงขึ้นกว่าเดิม 5 เท่า และสำหรับปี 2550 ได้เตรียมงบประมาณจำนวน 20,000 ล้านบาท ประกอบกับงบฯ 33,000 ล้านบาทส่วนหนึ่งที่ยังใช้ไม่หมดเมื่อปี 2549 เพื่อดำเนินงานด้านเครือข่าย มุ่งเน้นการพัฒนาบริเวณพื้นที่ต่างจังหวัด ที่จะมีการขยายตัวด้านการใช้งานข้อมูลมากในปีนี้ โดยเฉพาะบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจะมีทั้งการเสริมในจุดที่ยังเป็นช่องโหว่และขยายในส่วนที่มีการใช้งานหนาแน่น
กรรมการผู้อำนวยการ เอไอเอส กล่าวต่อว่า EDGE นับเป็นเทคโนโลยี 2.75G ที่รองรับการใช้งานด้านข้อมูลได้ใกล้เคียงเทคโนโลยี 3G แล้ว และถ้ามีเทคโนโลยีใหม่ๆ เอไอเอสก็พร้อมที่จะนำมาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็น 3G หรือ ไวแมกซ์ แต่ก็ขึ้นอยู่กับการส่งเสริมของทางภาครัฐด้วย ทั้งนี้ หากมีการออกใบอนุญาต เอไอเอสก็จะยื่นขออย่างแน่นอน
นายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานธุรกิจบริการสื่อสารไร้สาย เอไอเอส กล่าวว่า การมีเครือข่าย EDGE ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ จะส่งผลต่อการพัฒนาด้าน Non Voice เพราะจะช่วยให้การดาวน์โหลดข้อมูลเป็นไปได้รวดเร็วขึ้นถึง 5 เท่า ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้บริการมัลติมีเดียได้อย่างหลากหลาย ด้านความพร้อมของผู้บริโภคเห็นได้จากอัตราผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยได้เติบโตจาก 9 ล้านคน ในปี 2549 มาเป็น 10 ล้านคนในปัจจุบัน และตัวเลขผู้ใช้บริการ GPRS ของเอไอเอส ได้เติบโตจาก 2 ล้านคนเมื่อต้นปี 2549 มาเป็น 4 ล้านคนในปัจจุบัน