เมื่อคืนผมเกิดนึกครึ้มอกครึ้มใจค้นลังหนังสือเก่าที่บ้าน ก็เจอหนังสือการ์ตูนชื่อ “กว่าจะเป็น 26 สุดยอดสินค้าขายดีของญี่ปุ่น” โดย Ryuji Fujii แปลเป็นไทยโดยคุณอังคณา รัตนจันทร์ ในหนังสือเล่มนี้รวบรวมสินค้าจากญี่ปุ่นที่เราเห็นกันอยู่ทุกวัน เจาะลึกไปว่าใครเป็นคนสร้าง ทำมาได้อย่างไร แล้วทำไมขายดี อ่านสนุกได้ความรู้ดีครับ วันนี้เอาสินค้า นิสชิน คัพนูดเดิลมาแชร์ให้อ่านกันก่อนละกัน
พวกเราทุกคนคงคุ้นเคยกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมานานแล้ว ประเภทเปิดฝา เติมน้ำร้อน 3 นาทีกินได้เลย ที่มาที่ไปของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเจ้าแรกในโลก “นิสชิน คัพนูดเดิล” เกิดมาจากคุณโมโมฟุกุ อันโด อดีตนักธุรกิจผู้ร่ำรวย แต่วันนึงก็ต้องสะดุดล้มลง แต่สิ่งที่โมโมฟุกุมีเหนือคนอื่นก็คือ ใจที่สู้และหาช่องทางในการทำธุรกิจใหม่ นั่นก็คือ การทำบะหมี่ราเมนขาย
โมโมฟุกุมองว่า จริงๆ บะหมี่น่าจะทำเป็นแบบกินที่บ้าน เก็บได้นาน ถูกและกินง่าย ก็เลยทดสอบค้นหาวิธีการทำให้บะหมี่แห้งโดยใช้ความร้อนจากน้ำมัน ตอนแรกหน้าตาก็ออกมาเป็นก้อนสี่เหลี่ยม (นึกภาพไปแล้วคงคล้ายๆ กับมาม่าบ้านเรา) ต่อมาก็ทำเป็นก้อนกลมเพื่อให้ใส่ในชามได้ และเดือนสิงหาคม ปี ค.ศ. 1958 บะหมี่ “นิสชินโชะขุฮิน” บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซองแรกของโลกก็ออกวางขาย ในปีนั้นบะหมี่ของโมโมฟุกุขายดีถึง 13 ล้านซอง
แต่หลังจากที่โมโมฟุกุสร้างสรรค์นวัตกรรม “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” ออกมาได้ไม่นานก็มีบริษัทอื่นทำเลียนแบบเพิ่มมาอีกนับร้อยบริษัท ทำให้เขาต้องหาทางฉีกตัวเองออกจากสิ่งเดิมๆ ซึ่งนั่นก็คือการสร้างบะหมี่ “คัพนูดเดิล” ถ้วยแรกของโลกออกมา สนนราคาเพียงแค่ 100 เยน ในกันยายนปี ค.ศ. 1971 ยอดขายสูงถึง 4 ล้าน สร้างความสำเร็จให้กับนิสชินเป็นอย่างสูง
นวัตกรรมในที่นี้จึงไม่ใช่เพียงการคิดผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมา หากยังหมายถึงวิธีคิดใหม่ๆ ต่อยอดจากเดิม เหมือนที่โมโมฟุกุเริ่มต้นด้วยบะหมี่ซอง แล้วต่อยอดเป็นบะหมี่ถ้วยที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วโลกตราบจนทุกวันนี้
นิสชินมีพิพิธภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้วย แถมในนี้ยังให้คนแต่งรสชาติ หีบห่อของบะหมี่ได้เองด้วย เจ๋งซะ
เคยกินอร่อยมากอันที่เเห่งเผิดๆเส้นใหญ่เหนียวนุมมาก
เคยกินอร่อยมากอันที่เเห่งเผิดๆเส้นใหญ่เหนียวนุมมาก
เคยกินอร่อยมากอันที่เเห่งเผิดๆเส้นใหญ่เหนียวนุมมาก
เพิ่งรู้เหมือนกันนะครับเนี่ยว่าเขามีพิพิธภัณฑ์เลย ต้องไปหาดูบนเว็บล่ะ ขอบคุณมากครับ 🙂