Digital Music Movement โดย @art3t

เกี่ยวกับ Morning Green Tea: Morning Green Tea คือการเล่าเรื่องธุรกิจ การตลาด ที่เน้นไปทางด้านดิจิทัล ผ่านทาง Twitter โดยใช้แท็ก #MorningGreenTea กำกับ ความคิดนี้เริ่มมาจากวันหนึ่งนั่งดื่มชาเขียวร้อนที่ออฟฟิศตอนเช้า (เป็นคนชอบนั่งร้านกาแฟมากๆ แต่ไม่ชอบดื่มกาแฟ) พอมีโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือ คิดเรื่องอะไรได้เรื่อยเปื่อยก็อยากจะเล่าให้คนอื่นฟัง (อ่าน) ด้วย จะเอามารวบรวมไว้ที่นี่นะครับ

วันจันทร์ที่ผ่านมาเราได้รับเกียรติจากคุณอาทิตย์ เลิศรักษ์มงคล หรือที่หลายๆ คนในแวดวงอินเทอร์เน็ตรู้จักในชื่อ @art3t คุณซันปัจจุบันดำรงตำแหน่ง Vice President Strategic Innovation Business ของ “RS” วันนี้ผมเชิญคุณซันมาแชร์เรื่องราวของธุรกิจดนตรีในยุคดิจิทัล มาดูมุมมองของคุณซันกันครับ

1.) สวัสดียามเช้า ชาว #MorningGreentea วันนี้ผมเป็นตัวแทน @jakrapong มาเล่าเรื่องธุรกิจสนุกๆเบาๆ เช้าวันนี้ (ยังกะพูดหน้าห้องเรียน)
2.) สำหรับวันนี้ จะมาเล่าเรื่องที่ผมถนัดหน่อย คือธุรกิจเพลง โดยเฉพาะธุรกิจเพลงยุค Digital ในโลกวันนี้ และกำลังจะเป็นยังไง #MorningGreentea
3.) ถ้าเราจะแบ่งยุคของ Digital Music ตามความคิดของผมก็คือ ยุค CD ราวปี82 ยุค iTunes Store ปี 03 และ ยุค Streaming ปี09 #MorningGreentea
4.) ยุค CD นั้นสำหรับผมมันใกล้จบ ทั่วโลกมันตกลงต่อเนื่องจนสัดส่วน Digital ใกล้แซง (60:40) คาดภายในปีหน้าคงแซง #MorningGreentea
5.) ร้านขาย CD ปิดตัวไปจากผลกระทบนี้ เช่น Tower Records ปีนี้เป็นข่าวดัง ปิด 83 สาขา รวมถึงที่ Shibuya ซึ่งถือเป็นร้านใหญ่มากลง #MorningGreentea
6.) หลายเจ้าที่ขาย CD ถ้ารีบปรับตัวเมื่อหลายปีก่อน ก็พอมีทางรอดบ้าง อย่าง HMV (ถึงอย่างนั้นก็ปิดตัวไปเยอะ) หรือ Walmart เอง #MorningGreentea
7.) ยุคที่ 2 ยุคที่เกิดท่ามกลางการละเมิดลิขสิทธิ์ของ Mp3 ผู้ที่ให้กำเนิดยุคนี้คือ Steve Jobs น้าจ๊อบ ศาสดาให้กำเนิด iTunes+iPod #MorningGreentea
8.) ท่ามกลางความไม่เชื่อ Digital Music ของค่ายเพลง, ศิลปิน น้าจ๊อบสามารถเกลี้ยกล่อมให้ค่าย Big ทั้ง 5 (ตอนนี้ยุบเหลือ 4) ลงมาเล่นด้วย #MorningGreentea
9.) ศิลปินวันนั้นไม่ยอมที่จะขายเพลงตัวเองแบบ Single ตูทำมา 10 เพลง จะมาแบ่งขายได้ไง? แต่น้าจ๊อบเกลี้ยกล่อมจนโมเดลนี้เป็นที่ยอมรับ #MorningGreentea
10.) วันนี้ iTunes Store ขายเพลงไปกว่าหมื่นล้านเพลง วางรากฐานการขาย Mp3 ให้กับโลกนี้ กินส่วนแบ่ง 66.2% ของตลาด Digital ใน US #MorningGreentea
11.) 16 พฤศจิกายน Beatles ขายบน iTunes เพียง 2 สัปดาห์ ขายไป 2 ล้านเพลง สิ่งสำคัญไม่ใช่ยอดขาย แต่คือเชิงสัญลักษณ์ยุค 100% digital music #MorningGreentea
12.) มาสู่ประเด็นที่น่าสนใจ ธุรกิจเพลงไม่หยุดอยู่แค่ Mp3 เมื่อเน็ตเร็วมาก, ไปได้ทุกที่, เทรนด์ของ Cloud Based มาถึง แม้แต่ในธุรกิจเพลง #MorningGreentea
13.) ลองจินตนาการดู วันนี้เราใช้มือถือพอๆ กับคอมพ์ ชีวิตเราออนไลน์ตลอด ถ้าวันนึงโลกนี้ทุกคนใช้ชีวิตแบบนี้ล่ะ? ธุรกิจเพลงจะไปทางไหน? #MorningGreentea
14.) วันนี้เรายังต้อง Sync เพลงจากคอมพ์ไปสู่มือถือ ถ้าความจุ 16GB มี App มีโน่นนี่เยอะๆ เราอาจจะมีเพลงในมือถือสักพันเพลง อาจเยอะอยู่ #MorningGreentea
15.) แต่ถ้าเราไม่ต้อง Sync เลยล่ะ? สร้าง Playlist ไว้บนคอม มันก็ไปโผล่ในมือถือ และเรามีเพลงเป็นล้านๆ โดยไม่ต้องโหลด? มันจะดีแค่ไหน? #MorningGreentea
16.) นั่นเป็นที่มาของยุค Streaming Music ยุคที่3ของ Digital Music ในมุมมองของผมนะ #MorningGreentea
17.) 1 กันยายนปีนี้ World Economic Forum ให้รางวัล Technology Pioneer 2011 กับ Spotify ผู้ให้บริการ Music Streaming ชื่อดังในยุโรป #MorningGreentea
18.) Spotify คือ 1 ในบริษัทดาวรุ่งที่ถูกจับตามากที่สุดในปีหน้า คู่กับ Groupon, Zynga และ Apple กีดกันทุกทางไม่ให้มาเปิดใน US #MorningGreentea
19.) แต่วันนี้ยาวมากแล้วครับ เอาไว้ต่อภาค 2 ถ้ามีโอกาส เรื่องของ Spotify สนุกมากจริงๆ ต้องขอบคุณ @jakrapong ที่ให้โอกาสมาเล่าครับ #MorningGreentea
20.) ขอบคุณทุกคนที่ทนฟังอย่างยาว รบกวน TL ใครก็ขออภัยครับ มีคำถาม ถามได้เลยครับ #MorningGreentea

คุณสามารถติดตามแนวคิดส่วนตัวของคุณอาทิตย์ได้ทาง http://www.twitter.com/art3t

#MorningGreenTea Guideline

เคยบอกกับเพื่อนๆ ใน Twitter มาหลายครั้งแล้วว่า จะเขียนถึงที่มาที่ไป และข้อเสนอแนะในการใช้งานของ #MorningGreenTea การเล่าเรื่องธุรกิจยามเช้าทาง Twitter จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้เขียนสักที วันนี้เลยขออัพเดทกันละเอียดๆ เลยนะครับ

สำหรับคนที่ผ่านมาที่บล็อกนี้แล้วไม่รู้จักว่า #MorningGreenTea คืออะไร — #MorningGreenTea คือการเล่าเรื่องธุรกิจ การตลาด ที่เน้นไปทางด้านดิจิทัล ผ่านทาง Twitter โดยใช้แท็ก #MorningGreenTea กำกับ ความคิดนี้เริ่มมาจากวันหนึ่งผมนั่งดื่มชาเขียวร้อนที่ออฟฟิศตอนเช้า (ผมเป็นคนชอบนั่งร้านกาแฟมากๆ แต่ไม่ชอบดื่มกาแฟ) พอมีโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือ คิดเรื่องอะไรได้เรื่อยเปื่อยก็อยากจะเล่าให้คนอื่นฟัง (อ่าน) ด้วย Twitter ซึ่งเป็นรูปแบบที่คนเรียกกันว่า “Live” เหมือนกับที่ @Jimmy_Live ทำมาก่อน

รูปแบบการเล่าก็ไม่มีอะไรมากมาย คือมีอะไรอยู่ในหัวก็เล่าไปเรื่อยๆ เพียงแต่ตั้งหัวข้อไว้ในใจว่าจะพูดเรื่องอะไร เพื่ออะไร อันนี้ใช้หลัก “เริ่มต้นด้วยข้างขวา” ของ @malimli คือวาดภาพออกมาก่อน ฟุ้งๆ ไปนิดนึง แล้วเอาเรื่องที่ฟุ้งๆ นั้นมาปั้นๆ ผสมกับภาษาการเล่าเรื่องด้วยภาษาปาก พอเล่าไปเล่ามา ปรากฏว่ามีคนชอบอยู่บ้าง เพื่อนฝูงก็มาช่วยกันทวีต เลยกลายเป็นแท็กยอดนิยมของเมืองไทยไปซะงั้น คนที่มาอ่านก็ช่วยกันบอกต่อ และช่วยทวีตตอนแรกๆ ก็มี @yokekung @porpeangseller หรือบางคนโดนพาดพิงอย่างตอนที่เล่าเรื่องของ TARAD.com @pawoot ก็เข้ามาให้ข้อมูลที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

โตแล้วแตก แตกแล้วโต มาร่วมกันทวีตชาเขียวธุรกิจกัน
หลังๆ มานี้พอเล่าแล้วมีคนอ่าน ผมก็ชักสนุกกับการทวีต แรกๆ ฟิตจัดก็เลยทวีตมันอาทิตย์ละ 3 ครั้ง จันทร์ พุธ ศุกร์ พอบ่อยๆ เข้าก็ขักไม่ไหว เลยต้อง “Opensource” ให้คนรอบตัวไปทวีตกัน คือผมไม่ได้คิดว่าแท็กนี้จะเป็นสมบัติของผมคนเดียว ผมถือหลักใครใคร่ทวีต-ทวีต แต่ต้องไม่เยอะเกิน 20 ครั้ง ไม่งั้นมันจะท่วม Public Timeline ชาวบ้านเขา แล้วมันก็ดูไม่ดี ไม่ต้องปั่นให้มันดังอะไรมากมาย เอาแค่มีให้คนอ่านกัน 3 วันต่ออาทิตย์ก็พอแล้ว

หลังๆ นี้พอผมเล่าๆ ไปก็เริ่มมีเพื่อนๆ เริ่มเล่าด้วยแท็กใหม่ๆ คอนเซ็ปต์ที่โดนๆ สนุกกว่าผมซะอีก เช่น #molekbrunch #sexplus #sleeplate สนุกกันใหญ่เลย ^^