ในแต่ละสัปดาห์ผมมักจะแบ่งเวลาเพื่อหาอะไรใหม่ๆ เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตมาเล่าให้คุณๆ อ่านกันครับ เดี๋ยวนี้ก็เลยกลายเป็นว่าต้องบังคับตัวเองให้อ่านหนังสืออย่างน้อยหนึ่งเล่มต่อสัปดาห์ (เพราะถ้าไม่หาอะไรใหม่ๆ นอกจากจะไม่มีอะไรมาเขียน สมองผมก็มีหวังฝ่อตายพอดี) และหนังสือเล่มที่ผมจะเอามาแนะนำในสัปดาห์นี้ก็มาจากหนึ่งในนักเขียนที่ผมชอบมากที่สุดคนนึงก็คือ Seth Godin ที่หลายคนอาจรู้จักเขาจาก Purple Cow, Permission marketing ฯลฯ
หนังสือเล่มล่าสุดของ Seth ชื่อว่า Tribes: We Need You to Lead Us ในหนังสือเล่มนี้ Seth เขียนถึงเรื่อง Leadership ในโลกปัจจุบัน โดยไอเดียหลักๆ ของ Seth ก็คือการเปลี่ยนแปลงที่จะส่งผลดีและยืนยาวต่อสินค้าและบริการใดๆ นั้นจะต้องเกิดจากการสร้างกลุ่มก๊วนในแบบ ‘ลัทธิ’ ของคุณเอง และกลุ่มของคุณจะต้อง connect อยู่ด้วยกันโดยมีคนนำ และคนๆ นั้นก็คือคุณ!
เพราะในกลุ่มในลัทธิของคุณเอง ผู้นำลัทธิจะเป็นคนที่นำเอานวัตกรรมใหม่ๆ มาสู่กลุ่มลัทธิของตน เป็นศูนย์กลางรวมจิตใจในการวางกติกา ความเชื่อ ความศรัทธาจาก True Fan หรือ “แฟนพันธุ์แท้” ในกลุ่มของคุณเอง การที่คุณจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เป็นประโยชน์ต่อสินค้าและบริการ มันไม่ใช่แค่การจัดการให้เกิดแคมเปญการตลาดแบบเดิมๆ แต่คุณจะต้องสร้างความเปลี่ยนแปลงแบบแรงสุดขั้วที่สะเทือนต่อความคิดความเชื่อของ “แฟนพันธุ์แท้” ของคุณ เพราะแฟนพันธุ์แท้นี้แหละที่จะพาเพื่อนมาอีก 5 คน 10 คน ร้อยคน พันคนมาฟังคุณพูด แฟนพันธุ์แท้นี่แหละที่จะบอกต่อคนอื่นๆ หรือแม้กระทั่งไปทำให้คนอื่นหันมาใช้สินค้าและบริการของคุณได้
และการที่คุณจะมีแฟนพันธุ์แท้ขึ้นมาได้คุณจะต้องมีแนวทางที่แน่ชัดว่าคุณจะเป็นอะไร ในหนังสือนี้ Seth ได้ยกตัวอย่างของความสำเร็จของวงดนตรีไซคีเดอร์ลิคอย่าง Greatful Dead ที่แม้ว่าวงจะไม่ได้มีซิงเกิลติดอันดับหนึ่งติดต่อกันหลายๆ สัปดาห์เหมือนวงดนตรีอื่นๆ แต่ Greatful Dead ก็มียอดขายแผ่นเสียง คาสเซ็ทเป็นจำนวนมากพอๆ กับวงดนตรีหลายวงที่ดังกว่าพวกเขา
สิ่งที่ทำให้วงโด่งดังและเป็นที่รู้จักก็คือแนวทางดนตรีที่ประหลาด มีดนตรีที่ผสมผสานหลากหลายแนว ซึ่งเชื่อได้ว่าพอฟังเพลงของพวกเขาแล้วเราจะรู้เลยว่านี่คือเพลงของ Greatful Dead และอีกอย่างหนึ่งก็คือการออกทัวร์แทบจะตลอดอายุการทำงานของวง มากกว่า 2,300 ครั้ง พวกเขาโปรโมท community กับแฟนๆ ที่เรียกกันว่า Deadheads ซึ่งหลายต่อหลายคนได้ตามทัวร์ของวงเป็นเวลานับเดิือนนับปีทำก็คือให้ความสำคัญกับแฟนๆ อย่างที่ไม่มีใครทำมาก่อน ซึ่งการให้ความสำคัญที่ว่าก็คือการสร้าง “สภาวะติดหนึบ” ที่แฟนๆ สามารถอยู่กับวงได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องไปไหน ไม่ว่าจะเป็นการให้อาหารกินฟรี การจัดที่พักไว้ค้างคืน มีดนตรีให้ฟังระหว่างการทัวร์ มีแผนกพยาบาลให้แฟนเพลง แฟนเพลงขออังกอร์กี่รอบๆ ก็เล่นให้แล้วเล่นให้อีก จนเกิดกระแสการบอกต่อที่ส่งผลต่อยอดขายในที่สุด
และข้อเท็จจริงที่น่าสนใจอีกข้อนึงก็คือจากวันที่วงตั้งในปี 1965 จนถึงตอนนี้ 2008 สมาชิกของวง Greatful Dead บางส่วนก็ยังคงทัวร์อยู่ และแน่นอนว่าแฟนๆ ที่รู้จักพวกเขามาตั้งแต่ปี 65 ก็ยังคงตามมาถึงปีนี้! แฟนเพลงแบบนี้ล่ะครับคือ แฟนพันธุ์แท้ที่เราจะต้องสร้างขึ้นให้ได้
ในหนังสือเล่มนี้ Seth ค่อนข้างเน้นย้ำเกี่ยวกับเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตที่เอื้อให้เราสร้างลัทธิอะไรของเราเองได้ ก็จงใช้มันให้คุ้มค่าซะ ในหนังสือเล่มนี้ยังได้ยกตัวอย่างของแคมเปญหาเสียงของว่าที่ประธานาธิบดีโอบามา ที่ทำทางอินเทอร์เน็ต เช่น การนำเอาตัวเองไปปรากฏอยู่บน Facebook, Twitter, Yahoo! Answers เพื่อทำการระดมเงินทุนให้คนบริจาคเงินเข้าแคมเปญของตัวเอง โดยมีแกนความคิดความเชื่อในเรื่องการเปลี่ยนแปลงของอเมริกา ภายใต้แคมเปญที่ชื่อว่า ‘Change’
แต่บอกก่อนนะครับว่า Tribes ไม่ได้บอก How to กับคุณว่าจะต้อง ‘นำลัทธิ’ อย่างไร แต่เป็นหนังสือที่รวมกรณีศึกษาต่างๆ ที่จะปลุกเร้าให้คุณ ‘กล้าที่จะนำลัทธิของคุณเอง’ มากกว่าจะบอกคุณชัดๆ ว่าต้องทำยังไงบ้าง
แม้ว่ามันจะไม่ได้มี How to ชัดๆ แต่ผมก็ยังคิดว่าหนังสือเล่มนี้น่าอ่านอย่างแรง แนะนำสุดๆ อ่าน ebook ที่มาจากแรงบันดาลใจจากหนังสือเล่มนี้ฟรีครับ