วันที่ฉันไม่เข้าใจตัวเอง

ระยะนี้ผมสังเกตว่าตัวเองเริ่มพร่ำพรรณนาเรื่องเก่าๆ ที่ผ่านมา 30 กว่าปีในชีวิต ไม่วายว่าคนแถวนี้ก็จะบอกว่า “นี่มันเป็นอาการของคนแก่” ด้วยความดื้อๆ หน้ามึนของตัวเองก็ไม่อาจยอมรับได้ครับ บางคนก็บอกว่าสงสัยผมจะเจออาการที่ฝรั่งเขาเรียกกันว่า “midlife crisis” แปลเป็นไทยสั้นๆ ในแบบฉบับของผมว่า “อารมณ์คลั่งของวัยกลางคน” (จะแปลกว่า mid-วัยทอง ก็ทำร้ายจิตใจกันเกินไป) คือมันจะเป็นอารมณ์ที่เราไม่มีความสุขกับอะไรสักอย่าง ทั้งที่ก็สุขมานานแล้ว ตอนนี้รู้สึกเบื่อๆ อยากๆ กับคนรอบตัว อยากจะเปลี่ยนแปลงไปจากพื้นที่ (หรือบางคนเรียกว่าจุดยืน) ที่ตัวเองยืนอยู่เดิมๆ (เช่น ทำงานด้านอินเทอร์เน็ต แต่เกิดอยากจะหนีไปจัดสวน) แต่จะย้ายไปก็เสี่ยงเกิน มันจะมีคำถามผุดพรายขึ้นมาในหัวเต็มไปหมด โกรธแฟน เบลมคนรอบข้าง ทำอะไรโง่ๆ บางครั้ง ตัดสินใจอะไรไม่แม่นเหมือนเดิม

แต่วันนี้ผมพอสรุปกับตัวเองได้สั้นๆ ว่า มันก็เป็นแค่บางวันที่อารมณ์เราอาจจะอ่อนไหวไปบ้าง มันต้องมีบ้างที่เราจะไม่เข้าใจตัวเองในบางครั้ง และเราก็ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องไปเร่งทำความเข้าใจอะไรกับสภาพ midlife crisis โดยทันที เพราะเราเองก็ไม่ได้ทุกข์มากเหมือนคนรอบข้าง บางคนมีหนี้หัวโต บางคนแฟนทิ้ง บางคนตกงานในระยะนี้ มันทำให้ชีวิตออกอาการ “ไม่เวิร์ค” ได้ในหลายๆ ทาง … ของผมนี่ “เด็กๆ” ไปเลย ว่างั้น

วันก่อนตั๋วการบินไทยถูกมาก ก็เลยจองตั๋วกลับเมืองไทยไปร่วมงาน Barcamp Bangkok ที่กทม. มา ตอนกลางคืนมีโอกาสได้คุยกับน้า (ผมมีน้าชายคนหนึ่งแกอายุ 60 ต้นๆ ผ่านอะไรมาเยอะ และเป็นที่ปรึกษาได้เสมอ) ผมคุยกับแก แกบอกว่าแกก็เคยเจอ ไม่ต้องห่วงหรอก มันเป็นแค่อารมณ์ที่ผ่านเข้ามา แล้วมันก็จะผ่านไป แต่ขอให้เราระลึกเอาไว้ถึงเป้าหมายในชีวิตของเราให้ดีว่า “นิยามความสุข” ของเราคืออะไร บางคนมีเงิน 100,000 ล้านอาจไม่สุขเท่าคนมีร้านกาแฟเล็กๆ มีเพื่อนคุยทุกวันก็ได้

การที่เราปล่อยวางกับอารมณ์ที่ปะทะเข้ามา โดยไม่ตั้งคำถามอะไรกับมันนัก ปล่อยให้มันเป็นไปจนเรานิ่งมากพอ เราจะเห็นเองว่าจริงๆ แล้วภาวะทางอารมณ์พวกนี้ไม่มีผลเลวร้ายอะไรกับเราในระยะยาวหากเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าเรามีความสุขกับอะไร และเรา “พอ” ที่ตรงไหน

ชีวิตจะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย แล้วแต่เรานิยามนั่นเอง