ฝันกลางวัน เดี๋ยวฉันจะทำให้ดู

วันนี้ขอออกตัวไว้ก่อน ผมเขียนเรื่องความคิดความรู้สึกนะครับ ขอพักเรื่องอินเทอร์เน็ตไว้ก่อน สำหรับคุณๆ ที่ผ่านมาแล้วอยากอ่านอะไรที่เอาไปใช้ได้ วันนี้คงไม่มีอะไรนะครับ ผมบ่นของผมไปเรื่อย เขียนเป็นกึ่งๆ บันทึกความทรงจำ กึ่งๆ เล่าเรื่องให้อ่านกันเล่นๆ สักตอน

ผมร่ำเรียนมาทางนิเทศศาสตร์ เติบโตทำงานมาทางสายสื่อสารมวลชน และโลกธุรกิจ กระโดดเข้าโลกอินเทอร์เน็ตตั้งแต่ช่วงปี 2541-2542 มาถึงตอนนี้ 10 ปีแล้ว ระยะเวลา 10 ปีจะว่านานก็นาน จะว่าสั้นก็สั้น ที่ว่านาน เพราะถ้านับเป็นวัน มันก็ตั้ง 3,650 วัน นับเป็นชั่วโมงก็ 87,600 ชั่วโมง ตั้งสามพันกว่าวัน แปดหมื่นกว่าชั่วโมง แน่นอนว่ามันมีอะไรต่อมิอะไรผ่านเข้ามาในชีวิตให้เราเรียนรู้เยอะมาก จำกันแทบไม่ไหว ต้องมาบันทึกกันไว้สักหน่อย

10 ปีที่ผ่านมาบางทีก็สำเร็จ บางทีก็ล้มเหลว ดีใจ เสียใจ บางทีก็คิดว่าตัวเองเจ๋ง บางทีก็รู้สึกเราโง่เกินไป เจอมาหมดแล้ว ส่วนไอ้ที่ว่า 10 ปีมันสั้นก็เพราะเมื่อมองกลับมาที่ตัวเอง พอย้อนถามว่าเราได้ทำตามที่เราคิดเราฝันไว้บ้างหรือยัง สำเร็จตามนั้นไหม? ปรากฏว่าผมตอบมันไม่ได้ เพราะดันเป็นคนมีหลายความฝันเกินไป จับต้นชนปลายไม่ถูกว่าทำฝันให้เป็นจริงได้แล้วหรือยัง สิบปีที่ผ่านมาเลยกลายเป็นว่าเหมือนมันผ่านไปแป๊บๆ

ผมเป็นคนช่างฝันครับ บางทีรำคาญตัวเองเหมือนกัน ที่ดันชอบฝันมันไปเรื่อย ตอนเด็กๆ แม่ถามว่าผมฝันอยากเป็นอะไร ผมบอกว่าผมฝันอยากเป็นทหาร เพราะเห็นบรรดาญาติผู้ใหญ่ผมหลายคนแต่งชุดทหารแล้วมันเท่ดี ดูมียศมีศักดิ์ เด็กๆ ก็คิดอย่างนั้นจริงๆ เด็กๆ เลยไปเรียนวชิราวุธวิทยาลัย นัยว่าจบมาเป็นทหารแน่ๆ

โตขึ้นมาหน่อย ก็ถูกที่บ้านปลูกฝังว่าเป็นหมอ เป็นวิศวะจะดีมาก เพราะนอกจากจะได้ช่วยคน สร้างชาติแล้วยังเงินดีอีกด้วย จนมัธยมปลาย กำลังจะสอบเอ็นทรานซ์ มันเป็นช่วงเวลาที่บีบบังคับให้ผมต้องเลิกวาดวิมานในอากาศ และคิดว่าต่อไปผมอยากจะทำอะไร ก็ตามประสาเด็กอีกนั่นล่ะครับ ชอบเรื่องวงการบันเทิง คิดว่าอะไรบันเทิงๆ ก็ต้องนิเทศศาสตร์ ความฝันของผมมันไม่ได้ชัดอะไรนัก ที่บ้านก็เลยเตะให้ไปเรียนนิติศาสตร์แทน

พ่อผมบอกว่า พ่อไม่ได้ฝืนใจลูกนะ ลูกอยากเรียน “นิ” เทศศาสตร์ พ่อขอให้ลูกเรียน “นิ” ติศาสตร์ ไม่เห็นมันจะต่างกันเท่าไหร่เลย เห็นไหม ยังไงก็ “นิ” … อ่ะนะ

เรียนได้สองปี เรียนๆ หลับๆ ท่องตัวบทมาตรา อยู่ที่นิติฯ เอแบค สองปี ผมเรียนไม่รู้เรื่องเลยครับ ใจมันไม่อยู่กับตัวบท ใจมันอยู่กับเสียงเพลง เสียงดนตรี อยู่กับสโมสรนักศึกษา วันๆ โดดเรียน นั่งทำกิจกรรมมหาวิทยาลัย จนวันหนึ่งเดินไปลาออกไม่บอกที่บ้าน บอกลาแค่อาจารย์และเพื่อนๆ ที่เอแบค บอกว่าผมจะไปตามฝัน ผมจะไปเรียนนิเทศศาสตร์ ย้ายไปเรียนนิเทศศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยรังสิตสามปีครึ่งก็จบออกมา มีใบปริญญา “นิ” สมใจที่บ้าน

แต่เป็นนิเทศฯ นะ ไม่ใช่นิติฯ แฮ่ม…

จากนั้นผมก็ลุยงานมาหลายๆ แบบ ทั้งวิทยุ นิตยสาร หนังสือพิมพ์ อินเทอร์เน็ต ผ่านเลยไปถึงโทรศัพท์มือถือ ขอให้มันเป็นมีเดียก็ทำมันมาหมดล่ะครับ ทุกอย่างผมได้ใช้ที่เรียนมาจริงๆ ทฤษฎีก็ใช้บ้างนิดๆ หน่อยๆ แต่ส่วนใหญ่ที่ได้ใช้จริงๆ ก็จะต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองทั้งนั้น แต่มีอย่างหนึ่งที่มหาวิทยาลัยไม่เคยสอนผมเลย นั่นก็คือ เรื่องความฝัน ดีแล้วล่ะครับที่เขาไม่ได้มาสอนให้เราฝัน แต่มหาวิทยาลัยกระตุ้นจินตนาการให้ผมหัดฝันด้วยตัวเอง เคยเจอคุณบัณฑิต อึ้งรังษี ในงานหนังสือฯ เอาหนังสือไปให้แกเซ็น แกบอกว่า “ความฝันของคนเรามีได้เป็นร้อย ๆ ฝันนี่ครับ ไม่ใช่ว่าเราไม่สำเร็จในฝันนี้ แล้วเราจะทำฝันอื่นให้เป็นจริงไม่ได้”

วันนั้นจำได้ว่ากลับบ้านมาแล้วก็ฝันต่อไป ต่อไม่เคยทำให้มันปรากฏชัดสักที ผมเพียงแค่คิดว่าผมชอบทำงานสื่อ ผมชอบมัน ผมเลยทำ การทำมีเดีย มันเลยอยู่ในความคิด ความรู้สึก ทำอะไรก็คิดเรื่องมีเดีย คิดบ่อยๆ เข้ากลายเป็นว่าเราฝันใฝ่จะทำ ฝันบ่อยๆ เข้าก็กลายเป็นว่าวันหนึ่งเราเชื่อว่าเราต้องได้ทำ แล้วเราก็ได้ทำมันจริงๆ เคยมีคนเขาบอกว่า คนเราคิดอะไรเราก็จะเป็นอย่างนั้น เพราะถ้าเราคิดอะไรบ่อยๆ เราก็จะทำมันบ่อยๆ ทำบ่อยๆ มันก็จะกลายเป็นนิสัย พอมีนิสัยนั้นเราก็จะเป็นคนแบบนั้น พอเราเป็นคนแบบนั้นต่อไปเราก็จะมีชะตากรรมแบบนั้น

ดังนั้นอำนาจของการฝันกลางวันมันมีอยู่ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ แต่ฝันอย่างเดียวมันไม่พอ มันต้อง “ลงมือทำ” ด้วย อย่างไอ้การที่มาอยู่ Yahoo! นี่ก็เป็นหนึ่งในแรงขับดับที่มาจากความฝัน คือผมชอบงานด้านอินเทอร์เน็ตจริงๆ ชอบมากขนาดที่ว่ากินนอนอยู่กับมัน สมัยเรียนมหาวิทยาลัยนอนที่หอพัก บ่อยครั้งที่ตื่นมาหน้าผมมักจะมีรอยคีย์บอร์ด เพราะนอนตรงโต๊ะอ่านหนังสือเลย ไม่ได้นอนบนเตียงแบบชาวบ้านเขา

ถึงตอนนี้ 10 ปีแล้วไวจริงๆ ผมยังคงฝันของผมต่อไป เพราะชอบคิดถึงโปรเจ็คต์เป็นสิบเป็นร้อย จดลง Evernote ไว้เพียบ

ผมเพียงแต่จะบอกว่า เวลา 10 ปีที่ว่ายาว มันก็ดูสั้นได้ หากเรายังตอบตัวเองไม่ได้ว่า เราได้ทำตามที่เราคิดเราฝันไว้บ้างหรือยัง สำเร็จตามนั้นหรือยัง เพราะวันๆ มันก็จะผ่านไปอย่างไม่มีค่าอะไร ชีวิตคงไม่สนุกอะไรถ้าเราขาดความฝัน ความหวัง

แต่จากนี้ไปผมจะไม่ฝันอย่างเดียวแล้วล่ะ จะจับฝันบางตัวที่เราชอบจริงๆ แล้วจะทำให้ดู แต่จะเป็นอะไรนั้น คอยดูนะครับ…

4 Replies to “ฝันกลางวัน เดี๋ยวฉันจะทำให้ดู”

  1. ผมก็มีความฝันหลายๆฝันเหมือนกันครับ
    แต่ผมโชคดีอยู่อย่างหนึ่งที่ที่บ้านให้อิสระในการตัดสินใจ
    แต่ก็แลกมากับความกดดัน ผมก็เลยปรับเปลี่ยนความกดดันที่ว่านั้นเป็นแรงบัลดาลใจซะเลย

    หลายๆฝันสำเร็จไปแล้ว
    มีอีกหลายอย่างที่ยังไม่ทำ และกำลังทำ

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s

%d bloggers like this: