เดือนหนึ่งๆ เงินรายได้ที่มีเข้ามาผมมักจะละลายไปกับหนังสือในสัดส่วนที่ค่อนข้างมาก แต่ผมก็ไม่นึกเสียดายเงินจำนวนนี้เท่่าไหร่ อาจจะเพราะอาชีพเรามันต้องคอยอัพเดทตัวเองตลอดเวลา การจ่ายเงินซื้อหนังสือสำหรับผมเลยไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือยอะไร และทุกครั้งที่อ่านเราก็ได้อะไรใหม่ๆ จากหนังสือเล่มนั้น บางทีไม่ได้ไอเดียตรงๆ แต่ได้แรงบันดาลใจ บางทีอ่านแล้วก็เพลินๆ เท่านั้น จะมีเสียดายบางทีก็แค่ว่า 1. หนังสือมันไม่ดีอย่างที่เราคิด 2. อ่านไปแล้วเราคิดต่อ เอาไปประยุกต์ใช้ไม่ได้
เอาล่ะบ่นมานาน เขาเรื่องสักที สัญญากับพี่ๆ เพื่อนๆ ใน Twitter ไว้ว่าจะมาบอกว่าวันนี้ซื้ออะไรบ้างนะครับ แล้วสาเหตุที่ซื้อแต่ละเล่มคืออะไร แต่ละเล่มมีเนื้อหาประมาณไหน
1. Baked In: Creating products and businesses that market themselves – โดย Alex Bogusky & John Winsor
เล่มนี้คนเขียนไม่ดังเท่าไหร่ แต่เนื้อหาน่าสนใจตรงที่ผู้เขียนเสนอว่าการสร้างผลิตภัณฑ์ยุคใหม่ มันจำเป็นที่จะต้องทำการตลาดด้วยตัวมันเองได้ หรือ “Product is the message” เน้นไปในเรื่อง Conversational marketing, Collaboration ระหว่างลูกค้ากับพ่อค้า/แม่ค้า คนเขียน คือ Alex กับ John นี่ทำบริษัทเอเจนซี่ด้วยกัน ก็คงประมาณเขียนสร้างพอร์ตัวเอง หาลูกค้าไปในตัวครับ จัดรูปเล่มน่ารักดี คนเขียนคำนิยมคือ Seth Godin (จริงๆ ถ้าจะครบสูตรต้องเอา Guy Kawasaki มาด้วยสิ!) ผมเสร็จเขาไป 39.59 SGD
2. Sticks & Stones: How Digital Business Reputations Are Created Over Time and Lost in a Click – โดย Larry Webber (คนแต่ง Marketing to the Social Web)
พอดีเคยอุดหนุนหนังสือของ Webber มาก่อน เล่มแรกผมเฉยๆ ไม่ค่อยปิ๊งมาก แต่เล่มนี้ Webber ไม่ได้มามุกเดิม เขาเล่นเรื่องการบริหารชื่อเสียงออนไลน์ หรือคอนเซ็ปต์ของ Online equity ตา Webber นี่โดยพื้นฐานแล้วเป็น PR เป็น Marketer แถมคนเขียนคำนิยมให้คือ นักวิชาการชื่อดัง Michael E. Porter คอนเซ็ปต์ก็น่าสนใจกว่าเล่มแรก เอาวะ ลองสักตั้ง โดนไป 43.82 SGD
3. Implementing Word of Mouth Marketing: Online Strategies to Identify Influencers, Craft Stories, and Draw Customers – โดย Idil M. Cakim
หนังสือส่วนใหญ่ที่เกี่ยวกับการตลาด Word of Mouth นี่น่าเบื่อพอๆ กับละครน้ำเน่าบ้านเรายังไงยังงั้น ผมเลิกซื้อมาพักใหญ่แล้วครับ แต่ที่ต้องซื้อเล่มนี้เพราะสนใจตรงที่หนังสือเล่มนี้มันเป็นหนังสือที่เน้นในเชิงปฎิบัติ ไม่ใช่ทฤษฎีจ๋า แต่มี Tools ให้เราคิดตามได้ง่าย และแต่ละบทจะสอดแทรกพวก Tip เล็กๆ น้อยๆ ในการสร้างกระแสบอกต่อไว้ด้วย ส่วนคนเขียนไม่ดังเท่าไหร่ แต่บังเอิ๊นคนเขียนคำนิยมคือ Emmanuel Rosen คนแต่ง The Anatomy of Buzz (ทั้งภาคหนึ่งและภาคสองที่ชื่อ Revisited) เลยดูน่าเชื่อถือ ซื้อความน่าเชื่อถือไป 70.57 SGD แพงหน่อย เพราะมาจากแคนาดา
4. Content Nation: Surviving and thriving as Social Media Changes Our Work, Our Lives, and Our Future – โดย John Blossom
เล่มนี้ดูทฤษฎีแล้วไม่เท่าไหร่ อาจจะดีบ้างตรงที่วิเคราะห์ถึงภาพรวมในมิติการเมือง สังคม วัฒนธรรมด้วย ไม่ใช่สักแต่การตลาดอย่างเดียว แต่ที่ต้องยอม คือผมไปแพ้พวก Case study ที่เขาใส่เอาไว้ให้อย่างจุใจ ชนิดว่าถ้าแอบลอกไปลงคอลัมน์คงดูแน่นพิลึกเลยล่ะครับ เสร็จไป 42.75
5. Get Seen: Online Video Secrets to Building your Business – โดย Steve Garfield
เล่มนี้ง่ายๆ ตรงๆ เข้าประเด็นครับ เขากำลังสอนเรื่องการใช้ Online video ทำการตลาด เล่มนี้คนเขียนไม่ต้องดัง เพราะเนื้อหาเป็นการบอกขั้นตอนการผลิต Online video สำหรับมือใหม่ อ่านเข้าใจท่าทางจะง่าย เอาไปใช้ได้เลย โต้งๆ ตรงประเด็น โดนไป 43.82 SGD
6. Trust Agents: Using the Web to Build Influence, Improve reputation, and Earn Trust – โดย Chris Brogan & Julien Smith
Blogger ชื่อดัง Chris Brogan เขียนหนังสือ และดีกรี New York Times Bestseller, พร้อมทั้งคำนิยมคู่ขวัญ Seth Godin & Guy Kawasaki รวมทั้งนักการตลาดอย่าง John Jantsch ที่เก่งเรื่องการตลาดสำหรับ Small Business มาแวะชมด้วย เลยเสร็จไปครับ 43.82 เล่มนี้น่าจะเป็นหนังสือเล่มเด่นประจำปี 2009 ในสาขานี้ด้วย เนื้อหาเท่าที่เปิดผ่านๆ ต้องยอมรับว่าตา Chris นี่หัวดีใช้ได้ครับ เขาแนะอะไรง่ายๆ ที่เรามองข้าม เช่น สอนวิธีในการที่เราจะเอาไปพูดในงานปาร์ตี้ของคนอินเทอร์เน็ต (ที่เป็น Influencer) เพื่อสร้างกระแสของโปรดักต์
7. นิตยสาร Technology Review (ตีพิมพ์โดย MIT ตั้งแต่ปี 1899)
ฉบับนี้มีเรื่องอนาคตของสื่อ อ่านแล้วอึ้งไปเหมือนกัน สุดยอดจริงๆ มันเป็นวารสารวิชาการที่อ่านเข้าใจง่ายด้วยภาษาอังกฤษแบบเพลนๆ เขียนถึงกระแสในปัจจุบันได้ชัดเจน และสรุปอย่างแยบคาย ฉบับนี้น่าอ่านครับ เนื้อหาตอนที่ผมอ่านอันนี้ไม่มีให้อ่านออนไลน์ น่าเสียดาย เสร็จไป 11 SGD แต่คุ้มค่า
วันนี้หมดไป 260 เหรียญสิงคโปร์ ประมาณ 6 พันกว่าบาท (เฮ้อ) เอาว่ะๆ คุ้มน่า
MIT Technology Review กับ Harvard Business Review นี่มันเทพสุดๆ ครับ เพียงแต่ปัญหาคือมันหนักมาก อ่านไม่ทัน -_-‘
ขอบคุณที่มาเยี่ยมครับมาร์ค ต้องบอกว่า MIT Technology Review นี่ตอนแรกจะซื้อก็ไม่ค่อยกล้า แต่พอได้อ่านๆ ไป เออ เราก็เข้าใจได้ มันไม่ใช่ว่าหนักจนเกินเราจะทำความเข้าใจมัน สงสัยพี่จะเป็นพวก Product operation ผสมกับ Product marketing มั้ง เลยพออ่านเข้าใจ เล่มที่เขียนถึงนี่ใช้ภาษาอังกฤษแบบเพลนๆ เลยครับ ใครก็อ่านเข้าใจได้ รู้สึกว่าเทรนด์ของบอกอสมัยนี้เขาจะเน้นใช้ภาษาง่ายๆ เพื่อให้คนทั่วโลกอ่านได้ง่ายขึ้น ไม่ใช้ศัพท์แสงที่อลังการ
สำหรับเล่มนี้ต้องอ่านเลยครับ เนื้อหาดีมาก เสียดายไม่มีให้อ่านออนไลน์เลย
MIT Tech Review นี่แทบไม่ได้แตะ แต่ชอบอ่านของ HBR มาก ยอมรับว่าเนื้อหาดีๆเยอะ (หนักด้วยจริงๆ) หลายบทความตีพิมพ์ตั้งแต่ 5 ปีก่อนปัจจุบันหลายแนวคิดยังใช้ได้อยู่เลย ทุกทีพอเดือนใหม่มา เดือนเก่าก็อ่านไม่เคยจบ สุดท้ายกลายเป็นอ่านแต่เฉพาะที่สนใจก่อน ที่เหลือก็ note ไว้ว่าจะกลับมาอ่านผ่านมาเป็นปีๆก็ไม่ได้ย้อนกลับไปอ่านเรื่องที่สนใจรองลงมาสะที -_-
Trust Agents เป็น Best Seller ที่สนใจจะซื้อนานแล้วก็ยังไม่ได้ถอย ไปได้ผลงานล่าสุดมาแทน Social Media 101
ว่าไงหมี่หมี แวะมาอ่านด้วย 🙂 ซื้อ Trust Agents ไว้ไม่เสียหลายครับ