ไม่เคยอายที่จะบอกใครๆ เลยว่าผมเป็นแฟนเพลงของ Bon Jovi ขนานแท้ ถึงขั้นที่กล้าไปแข่งแฟนพันธุ์แท้ถ้าเกิดคิดจะจัดกันขึ้นมาล่ะก็ สำหรับคุณผู้อ่านที่ไม่ค่อยติดตามวงการเพลงเท่าไหร่ ก็ขออธิบายว่าที่ต้องบอกว่าไม่เคยอาย เพราะ Bon Jovi มักจะขึ้นชื่อว่าขายแต่นักร้องหล่อ (Jon Bon Jovi) แต่จริงๆ แล้ววงดนตรีวงนี้มีอะไรมากกว่าที่เราเห็นนะครับ ไม่งั้นอาจจะไม่หลุดรอดมาจากช่วง “ทรุด” ของดนตรีเฮฟวี่เททัลในยุค ต้นๆ 90 มาอย่างทุกวันนี้หรอก
สำหรับประวัติของวงผมคงไม่ลงรายละเอียดอะไรมาก อยากอ่านละเอียดๆ เชิญที่นี่เลยครับ ถ้าอยากฟังเพลงทั่วๆ ไป ดูมิวสิควิดีโอ ก็ไปที่นี่ครับ
ล่าสุด Bon Jovi ออกอัลบั้ม The Circle ซึ่งเป็นผลงานชิ้นที่ 11 ของวง ดนตรีของ Bon Jovi หลักๆ จะเป็นฝีมือของ Jon Bon Jovi กับ Richie Sambora และ Producer ที่มาร่วมดูแลการผลิตในแต่ละชุดจะเป็นคนปรับซาวด์โดยรวมให้อีกที เพื่อให้แต่ละชุดมีความโดดเด่นและร่วมสมัย อย่างอัลบั้มนี้ก็ได้จ้าง John Shanks Producer ที่เคยทำงานร่วมกับศิลปินเลื่องชื่อหลายต่อหลายคน อย่าง Sting, Sheryl Crow, Santana, Fleetwood Mac, Chris Isaak, Rod Stewart หรือแม้กระทั่งศิลปินรุ่นใหม่ๆ อย่าง Kelly Clarkson
ไล่กันทีละเพลงนะครับ
We weren’t born to follow – เพลงเร็วเปิดอัลบั้ม ทางคอร์ดสวย เสียงผสานดีตามสไตล์ Bon Jovi เป็น “เพลงขาย” ที่ฟังทีเดียวติดหู
When we were beautiful – เพลงร็อกที่มีชั้นเชิงในการแต่งอยู่ในขั้นดีมาก เริ่มจากอินโทรแช่มช้า ไล่ขึ้นมาเป็นความเร็วระดับมิดเดิล และไล่ไปถึงร็อกแตกหักช่วงท้ายเพลง
Work for the working man – ร็อกแบบฉบับ Bon Jovi ขนาดแท้ เดินไลน์เบสแน่นๆ ขึ้นมา คล้ายๆ Livin’ on the Prayer เนื้อเพลงเหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันดี
Superman tonight – เป็นเพลงร็อกเนี้ยบๆ ที่ฟังแล้วสุขุมดี ผมไม่เคยได้ยินเพลงแบบนี้จากพวกเขาเลยนับตั้งแต่อัลบั้มเดี่ยว Destination Anywhere ของ Jon Bon Jovi เพลงนี้น่าสนใจที่การสับคอร์ดที่ผสานกับคีย์บอร์ดของ David ได้กลืนกันมากๆ ทำให้เพลงนี้เด่นในด้านการเรียบเรียงเสียงประสานมากๆ
Bullet – ผมไม่ได้ประทับใจอะไรกับเพลงนี้มากมายนัก ทำนองมันใช้ได้ ที่น่าสนใจคือท่อนโซโล แต่ดันทำซะสั้นจนผมเซ็ง
Thorn in my side – เพลงนี้น่าสนใจตรงที่เป็นฝีมือของพวกเขาล้วนๆ ไม่ค่อยใส่อะไรเข้ามาปรุงแต่งเสียงมากนัก ดิบๆ สนับสนุนการแสดงสดดี
Live before you die – เพลงช้าประจำอัลบั้มที่พวกเขาถนัด และทำได้ดีมาทุกๆ ชุด ไม่มีอะไรแตกต่างกับทุกๆ ชุดที่ผ่านมา แต่ก็เพราะดี ฟังติดหูแบบไม่ต้องคิดมากครับ แนะนำให้อ่านเนื้อเพลงครับ ผมชอบวิธีการเล่าเรื่องของเขาครับ
Brokenpromiseland – ไม่เข้าใจว่ามันจะเขียนชื่อเพลงให้ติดกันไปทำพระแสงของ้าวอะไร ผมชอบสไตล์การเรียบเรียงไลน์กีตาร์ของเพลงนี้ครับ คีย์บอร์ดโซโลลงตัวดี ทั้งเพลงไม่มีอะไรเด่นเป็นพิเศษ
Love’s the only rule – เพลงนี้คีย์บอร์ดเป็นพระเอก ต้องบอกว่ามีไม่กี่ครั้งหรอกครับที่ตา Jon & Richie จะปล่อยให้ David มือคีย์บอร์ดได้มีส่วนมากเท่านี้ แต่ผมแอบเดาว่าจริงๆ เป็นเพราะ Producer ชุดนี้เขาแม่นเรื่องเสียงประสานมากกว่า ถึงไม่ได้เด่นอะไรแต่ก็ฟังลื่นไหลไปกับเพลงอื่นๆ ได้ดี
Fast cars – ผมว่าเพลงนี้เป็นพ็อพร็อกที่ใช้ได้เพลงหนึ่งครับ แต่ไม่ได้โดดเด่นอะไรเท่าไหร่
Happy now – เนื้อเพลงแต่งดีครับ ให้กำลังใจคนกำลังตามหาฝันดี ทำนองไม่เด่นเท่าไหร่ รวมๆ แล้วกลางๆ
Learn to love เพลงปิดท้ายอัลบั้ม ฟังแล้วเหมือนฟังหลวงพ่อสวดยังไงชอบกล เนื้อหาดีครับ แต่ดนตรีขอผ่าน
สรุปแล้ว ในฐานะแฟนเพลงของ Bon Jovi ติดตามกันมาทุกอัลบั้ม มีหนังสือ มีบทสัมภาษณ์เก็บไว้ มี Boxset กี่อันซื้อหมด ผมรู้สึกว่าชุดนี้ผมให้ B- สาเหตุที่ให้แค่ B- เพราะหลายๆ เพลงในอัลบั้มนี้อ่อนพลังลงไปมาก เมื่อเทียบกับผลงานในยุคเก่าก่อนของพวกเขา คงต้องยอมรับว่าช่วงที่พีคที่สุดของ Bon Jovi จะเป็นอัลบั้ม Slippery when wet ที่มีเพลงชูโรงอย่าง Livin’ on the Prayer, Dead or Alive และอัลบั้มถัดมาอย่าง New Jersey ที่มีเพลงอย่าง Bad Medicine, I’ll be there for you และเมื่อเอาไปเทียบกับอัลบั้มยุคหลังๆ ยุคที่ Bon Jovi เปลี่ยน Sound ให้ร่วมสมัยขึ้น อัลบั้มนี้ก็ยังสู้อัลบั้ม Crush ที่มีเพลงเด่นอย่าง It’s my life, Thank you for lovin’ me ไม่ได้อยู่ดี
ผมเลยขอฟันธงดื้อๆ ว่า The Circle เป็นอัลบั้มพ็อพร็อกที่มีคุณภาพพอตัว ทำนองแต่งสวย การเรียบเรียงเสียงประสานเรียบง่าย ไม่โฉ่งฉ่าง โดยเฉพาะการเรียบเรียงท่อนคอรัสที่เป็นจุดเด่นของวงและ Producer คนนี้อยู่แล้ว ทำให้อัลบั้ม The Circle มีเชิงศิลป์ที่ดีขึ้นกว่า Lost Highway ที่หลุดออกไปทาง Country ซะเยอะ คนที่ชอบดนตรีพ็อพร็อกในแบบ New Jersey Sound ควรจะซื้อเก็บไว้ ไม่จำเป็นต้องเป็นแฟน Bon Jovi ก็ฟังได้
เกร็ดอื่นๆ ที่น่าสนใจ
Bon Jovi เป็นวงดนตรีที่ Jon เป็นเพียงคนเดียวที่จะเซ็นสัญญากับค่ายเพลง ส่วนสมาชิกที่เหลืออย่าง Richie, David, Tico มีสถานะเป็นลูกจ้างประจำของ Jon อย่างไอ้ตอนปี 1994 ที่มือเบส Alec Jon Such ลาออกจากวง จริงๆ แล้ว Jon เป็นคนขอให้ Alec ออก เพราะฝีมือ Alec ไม่ถึงขั้น Alec ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารหลายๆ เล่มว่า “Jon ไม่ชอบซาวด์ดนตรีของผม เขาเกลียดทุกๆ โน้ตที่ผมเล่น”
เอ้า ฟังกันเล่นๆ ครับ
อยากทราบว่า Bon jovi เกิดหรือว่า เป็นคนประเทศอะไรค่ะ ขอบคุณค่ะ
Jon Bon Jovi นักร้องนำเกิดและเติบโตที่นิวเจอร์ซี่ สหรัฐอเมริกาครับ แต่นามสกุลเดิม Bonjiovi เข้าใจว่าเชื้อสายจริงๆ น่าจะมาจากทางยุโรป
ขอบคุณม๊ากกกกกกกค๊าาาา
แล้วตอนนี้มือเบสจากไหนอะครับแล้วทำไมบองไม่จดสัญญาเป็นวง
ใครเป็นครูสอนร้องเพลง bon jovi