วันนี้ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมถามคนใน Twitter ว่า “เวลาคิดสร้างผลิตภัณฑ์ออนไลน์ใหม่จะคิดเรื่อง Business model ไว้ก็ได้ แต่อย่าเน้นมาก ไม่งั้นจะไม่ได้ทำอะไรใหม่สักอย่าง คุณคิดอย่างผมหรือเปล่า?”
คำตอบที่ผมได้รับมาน่าสนใจดีครับ มีคุณ @winelirious ถามต่อมาว่า ที่ว่า “อย่าเน้นมาก” นี่แค่ไหน ผมตอบกลับไปว่า “อย่าเน้นมาก” ที่ว่าก็คือ การที่เราเปิดช่องว่างของเวลาให้ผลิตภัณฑ์ได้ลองผิดลองถูก มีเวลาปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้ใช้พอสมควร เพราะผลิตภัณฑ์ออนไลน์นั้นในช่วงแรก คุณต้องอาศัยระยะเวลาสร้างเนื้อสร้างตัวให้คนรู้จัก “ตัวตน” ของผลิตภัณฑ์ของเราก่อน เพราะผลิตภัณฑ์ของเราจะเป็นอะไร จะมีจุดยืนแบบไหน ไม่ใช่ว่าเรากำหนดมันได้ทั้งหมด แต่ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการสร้างผลิตภัณฑ์ออนไลน์ของเราด้วย
ยกตัวอย่าง สมัยก่อนนี้มีเว็บไซต์ฝรั่งตัวนึงชื่อ iVillage เว็บนี้ตอนแรกก็ทำเป็นเว็บแบบ Yahoo! Groups สร้างให้คนสร้างกลุ่มของตัวเองได้ แต่ไปๆ มาๆ ผ่านไปหนึ่งปี กลุ่มเป้าหมายก็เริ่มเปลี่ยนไป กลุ่มใหญ่ที่เข้ามาใช้งาน iVillage กลายเป็นกลุ่มคุณแม่ ทางเจ้าของเว็บเลยต้องปรับเปลี่ยนแบรนด์ ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทั้งหมด เพื่อให้เอื้อกับกลุ่มเป้าหมายที่พวกเขาเองก็คาดไม่ถึง นั่นก็คือกลุ่มผู้หญิง ถ้าเข้าไปในเว็บ เขาจะเขียนชัดเลยครับว่า “The daily destination for women, with an active women’s community, horoscopes, health and pregnancy information, message boards and blogs”
ดังนั้นผลิตภัณฑ์ออนไลน์ใดๆ ที่เรากำลังสร้างอยู่นั้น ถ้าเริ่มจาก 0 ก็ต้องเติบโตไปด้วยกัน โดยมีผู้ใช้เป็นผู้ทำให้มันเติบโต มีเราคอยดูแลทิศทางไปเรื่อยๆ จะว่าไปก็เหมือนเรามีลูกแหละครับ เด็กๆ เราก็เลี้ยงเขา คอยดูแลไปเรื่อยๆ พอโตขึ้น จะเป็นคนอย่างไร ทั้งตัวเขาเอง และสังคมจะเป็นคนกำหนด ไม่ใช่เราเป็นคนกำหนดทุกอย่าง
การสร้างผลิตภัณฑ์ออนไลน์ ถ้าเราจะคิดเรื่อง Business Model เผื่อไว้ก็ดีครับ แต่อย่าเอามาเป็นตัววัดผลหลักในเบื้องต้น เพราะนอกจากเราจะไม่สามารถกำหนด หรือไปกะเกณฑ์ได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่เราจะสร้างนั้นต้องทำเงินได้เท่าไหร่อย่างไร (เพราะเทคโนโลยีมันเปลี่ยนไว) แทนที่คนทำงานจะเอากำลัง พลัง ความคิดสร้างสรรค์ลงไปทุ่มกับการสร้างประโยชน์ให้ผู้ใช้อย่างมีความหมาย แต่กลับต้องมากังวลเรื่องเงิน มันก็ทำให้การทำงานสะดุดหยุดลงได้
ผมเคยเป็นที่ปรึกษาให้เว็บท่าเว็บใหญ่เจ้าหนึ่งในเมืองไทย รวมทั้งเคยทำเว็บไซต์ของตัวเองมาหลายเว็บ ส่วนใหญ่จะเป็นเว็บแนว Content + Community ซึ่งต้องอาศัยระยะเวลาในการสร้างชื่อสร้างแบรนด์นานประมาณหนึ่ง ถ้าเว็บคุณ “ติดลมบน” หรือถึง Critical mass แล้ว จะทำอะไรต่อ จะหารายได้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากแน่นอน แต่ก็มีหลายครั้งที่ผมเจอว่าการทำ Online product นั้นเราเอาเกณฑ์ทางธุรกิจแบบดั้งเดิมมากีดขวางการทำงานไปเสียอย่างนั้น
ถ้าคุณคิดจะทำ Online consumer product ไม่ควรนำเรื่อง Business model มาตั้งเป็นธงไว้ตั้งแต่ต้น เพราะท้ายที่สุดคนที่จะบอกคุณว่าผลิตภัณฑ์ของคุณมันน่าใช้ไหม มีความหมายอะไรไหม มีแนวโน้มจะประสบความสำเร็จต่อไปหรือไม่ ไม่ใช่ความสำเร็จทางด้านรายได้ที่เข้ามาในช่วงแรก หากแต่คือคะแนนความนิยมจากผู้ใช้ที่จะบอกกันแบบปากต่อปากไปทั่วทั้งโลกว่า ผลิตภัณฑ์ของคุณมีประโยชน์อย่างไร น่าใช้อย่างไร และมีความหมายกับชีวิตของผู้ใช้อย่างไร เมื่อนั้นการหาเงินลงทุนเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบทุนท่ี่มาจาก Venture Capital หรือแบบไหนก็จะทำได้ง่ายขึ้น
ผลิตภัณฑ์ออนไลน์ ก้าวแรกทำๆ ไปก็มีปัญหาได้ ค่อยๆ ทำไป ตั้งระยะเวลาไว้สักประมาณ 6-12 เดือน แล้วเร่งสร้างให้ผลิตภัณฑ์ของเรามีประโยชน์การใช้สอยที่ชัดเจน คนใช้งานใช้ได้สะดวกสบายที่สุด จนคนบอกต่อได้ง่าย วางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดี มองหาจุดแข็งของตัวผลิตภัณฑ์ให้เจอ คล้ายๆ กับ Flickr เว็บชุมชนแชร์รูปภาพชื่อดังนั่นล่ะครับ แรกเริ่มเดิมทีก็มาจากการเป็น Feature อัพโหลดรูปภาพในเกมออนไลน์เกมหนึ่ง แต่พอผู้ใช้พบว่าไอ้ตัว Feature อัพโหลดรูปภาพนี่มันเจ๋งมาก โดนมาก คนทำผลิตภัณฑ์ซึ่งก็คือ แคทเทอร์ริน่า เฟค หันมาทำ Flickr มาเป็นเว็บแชร์รูปภาพอย่างเดียว และจบด้วยดีลการเข้าซื้อกิจการด้วยเงินสดกว่า 35 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ทั้งหมดต้องเริ่มจากก้าวเล็กๆ อย่างอดทน
