เพื่อนๆ ที่ชอบอ่านหนังสือเวลาเจอหน้าผม มักจะชอบถามถึง Amazon Kindle เพราะอ่านบล็อกนี้แล้วรู้ว่าผมหลวมตัวซื้อไปแล้ว แถมผมยังมี iPad ที่อดใจซื้อไม่ได้มาอีกตัว
คำถามโดยทั่วไปก็จะถามให้ผมเปรียบเทียบว่า ของดีไหม ซื้อดีหรือเปล่า เทียบกับ iPad หรือ Nook, Sony Readers หรือยี่ห้ออื่นๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง วันนี้เลยขอเกาะกระแส Amazon Kindle 3 ที่เพิ่งออกวางขาย มาพูดถึงเจ้า e-reader ตัวนี้สักหน่อย เอาแบบเล่าว่าในฐานะคนๆ นึ่งที่ซื้อมันมาใช้งานจริงมากว่า 7 เดือนแล้วพอใจแค่ไหน
คำตอบง่ายๆ ของผมก็คือ ถ้าคุณชอบอ่านหนังสือกระดาษ ไม่เน้นทำอะไรไปมากกว่าการอ่านหนังสือ Amazon Kindle เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดตอนนี้ครับ (และตอนนี้ Kindle 3 ออกมาแล้ว ราคาถูกกว่าเดิม คุณภาพดีกว่าเดิม หน้าจอชัดกว่าเดิม วัสดุดีกว่าเดิม ทำให้ปฎิเสธมันได้ยากขึ้นครับ) แต่ถ้าคุณต้องการเครื่องที่ทำได้สารพัดสารเพ มีความสามารถด้านมัลติมีเดียสูงกว่ามากๆ แต่อ่านหนังสืออาจจะเคืองตาง่ายหน่อยก็ iPad ครับ
ลองอ่านประสบการณ์ผมตามนี้ครับ
1. เทคโนโลยี E Ink ที่ Amazon นำมาใช้นั้น อ่านสบายตา คนที่ไม่เคยจับเครื่อง ไม่เคยอ่านเองจะไม่รู้ อันนี้บอกได้เลยว่า 8 ใน 10 คนที่เห็น Kindle จะบอกว่ามันอ่านสบายตากว่าที่คิดไว้มาก ไม่จับเองก็ไม่รู้
2. Amazon.com มีจุดขายตรงที่มีหนังสืออยู่ในร้านออนไลน์ที่ Amazon.com เกือบ 700,000 เรื่อง
3. หนังสือบน Kindle ถูกกว่าหนังสือกระดาษ เพราะไม่ต้องเสียค่าพิมพ์ และค่าจัดจำหน่ายสูงเท่ากับแบบเดิม
4. ไม่เปลืองพื้นที่เก็บหนังสือ – ที่บ้านผม เพื่อนชอบแซวว่าเหมือนห้องสมุด เพราะซื้อเก็บไว้เยอะจนเหมือนห้องสมุดชุมชนย่อมๆ พอมี Kindle แล้วผมก็เก็บไว้ในเครื่องพอ
5. อ่านเครื่องไหนก็ได้ – เมื่อก่อนอ่านได้แค่บนเครื่อง Kindle ตอนนี้ใครมี iPad, Android Phone, iPhone ก็อ่านได้เลย ถ้าตอนนั้นบังเอิญคุณไม่ได้พกเครื่อง Kindle ไว้กับตัว อยากอ่านแค่ 2-3 หน้าระหว่างนั่งรอเวลาก็สบายมาก แถมจะมีระบบขึ้นเตือนว่าจะให้ Sync ไปถึงหน้าที่เคยอ่านใน Device ก่อนหน้านี้หรือเปล่า เช่นผมมี Kindle กับ iPhone ระบบจะถามว่าตอนนี้คุณอ่านหนังสือ Purple Cow ถึงหน้า 99 จากเครื่อง Kindle แล้ว ตอนนี้คุณอยากให้ iPhone (ซึ่งลง Kindle App ไว้) โหลดไปหน้า 99 ที่เคยอ่านไว้ใน Kindle หรือไม่ นั่นหมายความว่า คุณจะอ่านได้สะดวก
6. แชร์ข้อความที่เราไฮไลท์ ในหนังสือที่อ่านขึ้น Twitter, Facebook ได้ แค่ไฮไลท์ แล้วกด Alt + Enter
7. ดู Popular Highlight ได้ – สมัยเรียนหนังสือเคยไหมครับ ที่จะชอบขอหนังสือเรียนของรุ่นพี่คนที่เรียนเก่งๆ เอามาใช้อีกที เพราะเขาหรือเธอชอบขีดเส้น ลากเส้นข้อความสำคัญเอาไว้หมดแล้ว ทำให้เราจับใจความสำคัญของหนังสือเล่มนั้นได้ง่ายขึ้น ใน Amazon Kindle ก็เหมือนกัน มันมีระบบที่บอกว่า “มีคนไฮไลท์ตรงนี้ 16 คน” ทำให้คุณอ่านหนังสือได้ไวขึ้น
8. น้ำหนักเบา ถ้าใช้ iPad มันหนักครับ นอนอ่านถือมือเดียวไม่ไหว แต่ Kindle สบายมาก
อย่างไรก็ตาม แฟนๆ iPad หลายคนก็แย้งผมว่า อย่างไร iPad ก็คุ้มเงินกว่า เพราะสิ่งที่ได้จาก iPad คือเครื่องมือที่ทำอะไรได้หลายต่อหลายอย่าง ไม่ใช่แค่อ่านหนังสืออย่างเดียว ซึ่งอันนี้ผมไม่เถียงเลยครับ ในฐานะที่ผมก็มี iPad บางครั้งผมก็รู้สึกเหมือนกันว่าทำไมต้องพก 2 เครื่อง ท้ายที่สุดก็มาลงตรงกลางที่ว่า ผมเก็บ Kindle ไว้อ่านที่บ้านเวลาต้องการอ่านนานๆ และใช้ iPad ทำงานมากกว่า
สรุปได้ว่าถ้านอนอยู่บ้าน หรือเดินทางออกต่างจังหวัด จะนอนอ่านหนังสือสบายๆ ต้อง Kindle แต่ถ้าต้องการทำงานไปด้วยก็ต้อง iPad แต่ แต่ แต่ แต่ ในฐานะหนอนหนังสือคนนึง ผมขอเชียร์ Amazon Kindle อย่างออกหน้าออกตา ด้วยเหตุผล 8 ข้อด้านบนที่น่าจะเพียงพอในการดันให้คุณหา Kindle 3rd Generation มาลองใช้กันดูครับ 🙂
ผมเองก็ใช้ Kindle DX อยู่ครับ และมักจะเจอคำถามให้เปรียบเทียบระหว่าง iPad กับ Kindle อยู่เสมอ ๆ ทั้งที่จริง ๆ แล้วอุปกรณ์ทั้งสองตัวนี้มีวัตถุประสงค์คนละอย่างเลย คือ Kindle นั้นเป็น e-reader ดังนั้นโจทย์ที่มันตอบก็คือทำยังไงใช้ตัวผู้ใช้ได้ประสบการณ์ที่ดีกว่าในการอ่านหนังสือ (เมื่อเทียบกับทั้งการอ่านจากหนังสือเป็นเล่ม ๆ และการอ่านหนังสือบนสื่ออื่น ๆ เช่น computer เป็นต้น)
ส่วน iPad นั้นต้องการออกแบบสำหรับตอบโจทย์การใช้คอมพิวเตอร์ (อย่างง่าย ๆ) ในชีวิตประจำวัน คือ อยากเช็เมล์ก็หยิบมาเช็กได้ทันที หากอยากดู position ตัวเองใน Google Map ก็ทำได้ทันที คือ ตอบโจทย์ความสะดวก ความง่ายในการใช้งานคอมพิวเตอร์ หลาน ๆ และลูก ๆ ของผมหยิบ iPad มาปุ๊ป ก็เปิดเกมเล่นได้ปั๊ป มั่วได้ และเข้าใจง่าย (มีพลาดลบ App ผมทิ้งไปบ้าง)
ดังนั้นถ้าถามว่าตกลงอันไหนดีกว่ากันคุ้มกว่ากัน ผมว่ามันเปรียบเทียบกันไม่ได้ครับ ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณเองมากกว่าว่าต้องการอะไร ส่วนตัวผมเองผมต้องการอุปกรณ์ที่ช่วยให้ผมได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการเสพข้อมูล (คือ ไม่ใช่แค่การอ่าน แต่รวมถึงการฟังพวก audio book ด้วย และไม่ได้นับเอาแต่หนังสือ แต่สื่ออื่น ๆ เช่น บล็อก ด้วย)
จากประสบการณ์การใช้งาน Kindle มาประมาณ 3 เดือน (แต่ผมติดตามการพัฒนาของ ebook มาน่าจะเกิน 10 ปีได้แล้ว) ผมให้คะแนน kindle ที่ 7 เต็ม 10 คะแนน โดยชอบเรื่องความคล้ายหนังสือ (อ่านแล้วไม่ปวดตา) ค้นหาได้ หาศัพท์ได้ ไฮไลต์แล้วเอาไปดูบนคอมได้(เน็ต) หนังสือราคาถูกกว่าในท้องตลาด จุดที่ยังไม่ค่อยชอบคือ ถ้าเป็นหนังสือ เราสามารถกวาดมือแล้วเปิดหน้าคร่าว ๆ ได้เลย และพลิ๊กกลับไปกลับมาได้ง่าย ๆ แต่ kindle ทำตรงส่วนนี้ค่อยข้างช้า และจุดที่ออกจะทำให้ได้คะแนนติดลบคือ ความพยายามในการขายหนังสือเกินไป (เกินกว่าจะเรียกว่าสะดวก) เช่น ในหนังสือทั่ว ๆ ไปหรือหนังสือที่เราซื้อมาแล้ว กด Menu ตามด้วยการคลิ้กปุ่ม 5 ways navigator จะเป็นการเลือกหน้า (เช่น จะไป table of centent เป็นต้น) แต่พอเป็นหนังสือ sample ซึ่ง (ผม) อยากรู้ว่าหนังสือเล่มนี้มันครอบคลุมเนื้อหาอะไรบ้าง ปรากฏว่ากดแบบเดียวกันจะเป็นการสั่งซื้อหนังสือแทน..
แต่โดยรวมสำหรับคนที่ชอบอ่านหนังสือผมก็จะแนะนำให้ซื้อ Kindle เป็นหลัก แต่จะเป็น DX หรือ Kindle เฉย ๆ จะขึ้นอยู่กับว่าซื้อไปอ่านอะไร ถ้าอ่านสิ่งที่ต้องมี layout ก็จะแนะนำ DX แต่ถ้าอ่านหนังสือที่ layout ไม่มีความสำคัญอย่างนิยาย ก็ใช้แค่ kindle ก็พอ
Kindle DX ลงภาษาไทยได้ไหมครับ พอดีผมเพิ่งได้มาครับ
ขอบคุณที่มาแนะนำเพิ่มเติมครับคุณวิทย์ เป็นประโยชน์ทีเดียวครับ คนที่ผ่านมาอ่านน่าจะเข้าใจอะไรๆ ได้มากทีเดียว มันทิ้งกันไม่ลงครับ แม้เราจะรู้ว่าเราถือได้แค่ดีไวซ์เดียวก็ตาม
Soon, there will be Pixel Qi monitor which has 3 modes : #1 full colour #2 power saving #3 e-ink
I have seen a demonstration online. Its has a high refresh rate which can then be used for nearly everything such as watching video apart from reading book (no backlight, of course).
จากคำให้สัมภาษณ์ของ Jeff Bezos CEO ของ Amazon ยังยืนยันว่าสำหรับจอสีคงต้องรอกันอีกเป็น “ัyears”
อยากมีใช้บ้าง
อยากทราบว่ามีช่องใส่ sd card ไหมค่ะ
รบกวนสอบถามความคิดเห็นหน่อยค่ะ ระหว่าง Kindle 3 6″ กับ Sony reader Touch 6″ ไม่ทราบว่าแนะนำตัวไหนดีคะ
ถ้าจะเอามาเน้นอ่านการ์ตูน scan PDF น่ะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
ผมไม่เคยใช้ Sony ครับไม่ค่อยกล้าตอบ แต่ถ้าดูจากคนไม่เคยใช้ Sony ผมก็สงสัยว่าทำไมต้องใช้ Sony เพราะเขาไม่มีร้านขายหนังสือตัวเอง สู้ใช้ Nook หรือ Kindle ยังน่าสนใจกว่า (เว้นแต่ว่า Sony ไปคุยกับร้านหนังสือไหนไว้นะครับ)
เห็น Amazon แถลงว่า Kindle ขายดีมากจนเป็นประวัติการณ์สินค้าขายดีที่สุดของ Amazon ไปแล้ว 🙂 ส่วน iPad แสงจ้าไม่สบายตาเลย อ่านได้ไม่นาน รู้สึกปวดหัวปวดตาโดยเฉพาะคนที่สุขภาพตาไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ตอนนี้เลยคิดจะดาวน์โหลด Audiobook จาก audible.com มาฟังบน iPad แทน แต่อ่านเจอในพันทิพย์ว่าดาวน์โหลดมาแต่ฟังเสียงไม่ได้ พอจะทราบข้อมูลมั๊ยคะ หาข้อมูลในไทยไม่ค่อยมีเลย 😦
น่าจะโหลดแอพของ audible ลง iPad ได้นะครับ http://itunes.apple.com/us/app/audible/id379693831?mt=8 แล้วโหลดผ่าน Wi-Fi ได้นะครับ
ผมก็อยากจะถามท่านผู้รู้ทุกท่านนะครับว่าเครื่อง kindle3 สามารถอ่านไฟ นามสกุลอะไรได้บ้าง
ผมเองอ่านได้แต่ภาษาไทยล้วนๆจะต้องทำอย่างไรจึงจะอ่านภาษาได้ครับ
ใช้ sony มาตลอด เพราะชอบที่มี sd card ค่ะ
แล้วมันรองรับไฟล์อะไรได้บ้างคะ แล้วรองรับภาษาไทยได้หรือเปล่า
ต้องเป็น E-book ที่ซื้อจากอเมซอนเท่านั้นหรือเปล่า
หน้าตาน่าอ่านสุดๆ ท่าทางสบายตา >///<