*บทความนี้เป็นบทความเก่าที่ผมเคยสัมภาษณ์คุณมาช่าไว้จริงๆ เมื่อสัก 10 ปีที่แล้วได้ ในเว็บไซต์ aussietip.com ไปเจออยู่ในเว็บแฟนคลับของมาช่า เลยเอามาแปะไว้เตือนใจตัวเองอีกครั้งนึง อ่านแล้วก็ขำตัวเองว่าสมัยก่อนสัมภาษณ์ดาราแบบไม่เป็นมวยเอาเสียเลย คำถามที่ถามช่างไร้เดียงสาจริงๆ ให้ทำแบบนี้อีกครั้งคงทำไม่ได้แล้ว
บ่ายห้าโมงครึ่ง พระอาทิตย์ในเมืองเมลเบิร์นช่วงใกล้หน้าหนาว เริ่มคล้อยลงต่ำ ผมนั่งเตรียมการสัมภาษณ์ศิลปิน สาวชื่อดัง ‘มาช่า วัฒนพานิช’ กันอีกหน ถ้าหากว่าใครที่ตามอ่านออสซี่ทิป ตั้งแต่ฉบับแรก คงจะจำกันได้ดีว่า ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ออสซี่ทิปฉบับแรก ก็มีเธอคนนี้มาขึ้นปกเป็นคนแรก และในวันนี้ เราจะได้พูดคุยกับเธออีก วันนี้ผมว่า จะคุยกับเธอแบบสบายๆ โอ๊ะ! เธอมานั่นแล้ว
“อ้าวคุณบอกอเชิญก่อนค่ะ” มาช่าทักทายผมแบบเป็นกันเอง พร้อมกับควงหนุ่มหล่อมาด้วย ไม่ใช่ใครอื่นครับ น้องกาย สุดหล่อจาก Geelong Grammar School นั่นเอง และตอนนี้ทั้งสองคนพร้อมจะให้สัมภาษณ์แล้ว โดยเริ่มจากการพูดคุยกับกายก่อน แล้วค่อยไปที่มาช่า
สวัสดีครับ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ
กายสบายดีครับ ตอนนี้ก็เรียนอยู่เยียร์แปด หรือว่ามอสอง ที่โรงเรียนก็คนไทยน้อยไปหน่อย แต่เพื่อนฝรั่งก็นิสัยดีใช้ได้ ก็สนุกดี วันหนึ่งๆ ที่โรงเรียนนี่ทำอะไรบ้างครับ ผมตื่น 6.30 กินข้าวเช้า 7.00 เข้าเรียน 9.00 เลิกบ่ายสองบ่ายสาม แล้วเขาก็มีให้เล่นกีฬา เล่นดนตรี ผมเลือกเล่นฟุตบอลครับ มันสุดแล้ว
เหงาไหม
เหงามากครับ เป็นบางช่วงนะ บางช่วงสนุกก็สนุก บางทีเบื่อๆ ก็เบื่อตลอดเลย ก็ฟังเพลงอ่านหนังสือไปเรื่อย
แล้วส่วนใหญ่มีอะไรจะคุยกับคุณแม่ไหม
คุยบ้างครับ คนละรุ่นกัน
แม่ลูกคุยสนุกไหม
มันก็คุยกันแบบแม่ลูกธรรมดาๆ สนุกบ้างก็มี
ได้ข่าวทุกเทอมต้องกลับเมืองไทย ตอนนี้แม่มาอยู่นี่ด้วยรู้สึกไง
น่าเบื่อครับ และเซ็ง เพราะปกติไม่ค่อยได้อยู่ที่นี่ไง อยู่กับแม่ก็เหมือนอยู่คนเดียว แม่ไปเที่ยวบ่อย ก็เหมือนอยู่เมืองไทย แต่อยู่เมืองไทยดีกว่านะไม่มีที่ไหนดีเท่าบ้านเรา ที่นี่มันก็ไม่รู้จะพูดกับใคร ฝรั่งหมดเลย
ก็พูดฝรั่งกับเขาสิ
ความสนิทไง ฝรั่งก็แค่คุยๆ น่ะครับ แต่ความสนิทนี่คนไทยครับ
รักแม่มากไหม (มาช่าหันขวับ)
ก็รักครับก็โอเค เขาตลกๆ ครับ แล้วกายรู้สึกว่า เขาเป็นแม่แบบไหน ก็โอเคมีระเบียบเรียบร้อยดี เขาชอบทำอะไรตลกๆ ให้ผมดูตลอด ก็แบบมีอยู่ครั้งนึงแม่ชอบมั่ว มีเพื่อนมาที่บ้านเขาเรียนอยู่คนละโรงเรียน แม่ก็บอกเพื่อนแม่ว่าโรงเรียนเดียวกัน อีกทีนึงเราเดินข้ามถนนอยู่ด้วยกัน ไฟมันเขียวอยู่ซึ่งข้ามได้ แม่บอกว่าอย่าเพิ่งข้าม มากับเพื่อนญี่ปุ่นอีกคนชื่อชินนิจิ พอไฟจะแดงเราข้ามไม่ได้ เขาบอกให้ข้าม เราก็รีบข้าม รถมันก็วิ่งมา แต่รถเขาเห็นคน เขาก็หยุดให้ แต่แม่ไม่รู้เขารีบอะไร เขาวิ่งมาแล้วหกล้ม ล้มไปวัดพื้น ผมไม่อยากจะช่วยล่ะอายจริงๆ แล้วจูงชินนิจิไปเลย ซุ่มซ่ามประมาณนี้ ตลกดี
รู้สึกอย่างไรที่คุณแม่มีภาพพจน์แบบ ผู้หญิงสวย..ร้องเพลงเพราะ..
ผมว่าแม่เขาสวยดี ร้องเพลงก็โอเคไม่ได้เก่งมาก แต่ตัวเองชอบคิดว่าเก่งมาก แต่ก็โอเคประมาณนึง แม่ก็เป็นคนดีคนนึงที่ผมยอมรับมาก ดีครับที่มีแม่อยู่เป็นแม่
จากนั้นน้องกายก็ขอตัวออกไปเดินเล่นข้างนอก ปล่อยบอกอตัวอ้วนไว้กับมาช่าสองคน
เป็นไงครับไม่ได้เจอกันตั้งนาน ตอนนั้นเจอกันตอนเล่มหนึ่ง
ใช่ๆ จำได้ตอนนั้นมาเพราะช่าไม่สบายใจ เล่นคอนเสิร์ต มาช่าไฟน์เดย์เสร็จ ก็มาหาลูก เพราะว่ามันเครียดที่สุดแล้ว เจอลูกจะสบายใจขึ้น แล้วพอดีเจอบูน (แฟนคลับของมาช่าในเมลเบิร์น ซึ่งเป็นคนแรกที่หาคิวมาช่าให้กับออสซี่ทิป) เลยได้รู้จักกันเลย
จำได้ว่าสิงหาคมนะ ครับ นี่ก็เล่มสิบแล้ว
สิบปีแล้วเหรอนี่
ไม่ใช่ครับ 10 เล่ม! ไม่ใช่สิบปี
ก๊าก (มาช่าหัวเราะสะใจ)
งานที่เมืองไทยรวมๆ เป็นไงบ้าง
ถ้าเรื่องงานล้วนๆ เลยไม่รวมเรื่องอื่นที่กระทบกระทั่งอยู่นี่ ช่าคิดว่าแฮปปี้กับงานที่ทำ ไม่ว่าจะเป็นละครสองเรื่อง คอนเสิร์ตที่เล่นไป โฆษณาลักซ์ที่ถ่ายไป โดยเนื้องาน ส่วนละครตอบตรงๆ ว่าเหนื่อยมาก เพราะทั้งสองเรื่องนี่เล่นเป็นตัวหลักหมดเลย อย่างบ่วงบรรจถรณ์ เป็นเรื่องที่เล่นยากมาก และถ่ายยากมาก สมมติว่ามีร้อยซีน เป็นมาช่าเสียเก้าสิบซีน เยอะมาก เพราะช่าเป็นคนเดินเรื่อง ถ้าไม่มีช่าแล้วเดินเรื่องไม่ได้ แล้วช่าเหนื่อยมาก เพราะต้องกลับยุค แต่ก็ประทับใจค่ะละครเรื่องสายลมและแสงดาวที่เล่นกับปีเตอร์ ก็ดีค่ะได้ไปนิวซีแลนด์ แต่เผอิญถ่ายคู่กันกับบ่วงบรรจถรณ์ แล้วเวลามันขี่กันมาก แล้วคนละคาแรกเตอร์ มันเหมือนคนทำงานไม่ได้พัก เหมือนแบตเตอรี่โทรศัพท์น่ะค่ะ แทนที่จะชาร์จเต็มๆ มันกลายเป็นเสียบชาร์จไปแป๊บนึงก็ต้องถอด แล้วสักครู่อารมณ์มักจะตกลงไป ไม่ค่อยได้พัก แต่ตอนนี้ก็แฮปปี้ดีแล้วกับงานที่ทำไปทั้งหมด แต่เหนื่อยมาก เหนื่อยใจกับข่าวมากกว่า เพราะปีนี้ไม่ว่าจะทำอะไร ก็ศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกตลอด เป็นเรื่องที่ออกไปในทางไม่ดีตลอด มีบางคนบอกว่าดีสิมีข่าวแสดงว่าอยู่ในกระแสนิยม แต่ช่าบอกถ้ามาเป็นช่าเนี่ย มีข่าวทั้งทีขอมีข่าวดีๆ ได้ไหม แต่บางทีคนเราบางทีอ่านข่าวดีก็จะเฉยๆ อ่านไปไม่สนุกน่ะ จะต้องอ่านข่าวไม่ค่อยดี แล้วมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง หน้ากอสซิป ดูอะไรสนุกสนานไป คือโอเค มันอาจจะเป็นวิธีทำงานแบบหนึ่งนะคะ แต่ถามตัวช่าเอง ช่ารู้สึกมันเครียด เพราะไม่มีใครอยากเจออะไรไม่ดี แต่ก็อดทนได้เพราะทำงานตรงนี้มา 15 ปีแล้ว แล้วเจอตรงนี้มาสม่ำเสมอ แต่ปีนี้หนักหน่อยค่ะ ตั้งแต่ต้นปีรับนิวเยียร์มาแล้วนี่ เท่าที่เช็คหนังสือพิมพ์เมืองไทยก็มักจะเป็นข่าวหน้าหนึ่งน่ะ เดี๋ยวชาคริตเดี๋ยวปีเตอร์เดี๋ยวพี่หนุ่ย เยอะแยะไปหมดเลย
ถามจริงครับรู้สึกอย่างไร เวลานักข่าวมาถามอะไรเกี่ยวกับพี่หนุ่ย
คือจริงๆ แล้วช่าไม่ได้รู้สึกเลวร้ายกับพี่หนุ่ยเลยนะคะ รู้สึกดีกับพี่หนุ่ยเพราะเขาก็เป็นพ่อน้องกายด้วย แต่ว่าบ่อยครั้งที่ช่าพูดไปแล้วเหมือนพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่เขาจะถามว่าจะกลับมารีเทิร์นกันไหม กลับมาคืนดีกันไหมซึ่งช่าคิดว่า มันน่าจะเลิกคำถามนี้ไปได้แล้ว เพราะก่อนช่าจะทำอะไรช่าตัดสินใจแล้ว แล้วข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ายังเขียนกันอยู่อย่างนี้ พี่หนุ่ยตอบไป ช่าตอบมา นักข่าวเขียนต่อไป (ถอนหายใจเฮือก..) 5 ปีที่ผ่านมานี่ เหมือนไม่ได้เลิกกันเลยจริงๆ คือเหมือนทุกคนยังพูดเรื่องนี้ จะคืนดีกันไหม ช่าก็ตอบว่าไม่ แต่ไม่ได้เกลียดอะไรกัน ก็พูดคุยกัน แต่มันจะไม่มีวันนั้นอีกแล้ว เพราะมันจบไปแล้ว แต่ว่าล่าสุดก็จะยังมาออสเตรเลีย ด้วยกันกับพี่หนุ่ย ตอนนั้นคิดว่า จะมาด้วยกันเพราะกายกำลังมีปัญหามากหลังจากมีข่าว แล้วพี่หนุ่ยเขาคิดว่าเขาต้องการที่จะมาด้วย แต่เป็นช่วงที่เร็วมาก แล้วช่าก็งานเยอะมาก ก็เลยบอกเขาว่า ช่าเป็นคนพาลูกมาที่นี่เอง แล้วช่าต้องการความรวดเร็วมากเพราะว่า ถ้าลูกเกิดปัญหาปุ๊บเนี่ย ช่าไม่ต้องการใช้เวลานาน ไม่ต้องรอใครปิดกล้องก่อน ไม่ได้แล้ว ช่าบอกกองถ่ายหยุดก่อน แล้วช่าบินเลย แล้วสำหรับช่ากับกายเนี่ย เวลามาโรงเรียนนี้ช่าก็มากันกับกายสองคน ช่าน่าจะเคลียร์กับกายสองคน แล้วจะไปบอกพ่อเขายังไงอีกเรื่องหนึ่ง แต่คือจะดี หรือร้ายยังไงก็ต้องอยู่ที่เราสองคนน่ะค่ะ คิดด้วยกันทำด้วยกัน ตอนนั้นมันก็แย่ถึงขนาดที่ว่า ช่าต้องเอากายกลับน่ะค่ะ คือมาคุยกันแล้วสี่วันมันก็แย่มาก ก็โอเคไม่ไหวก็กลับ บางคนก็บอกว่าเรา spoil ลูกหรือเปล่าที่เอาลูกกลับในช่วงเวลาที่ไม่น่าเอากลับ แต่ช่าคิดว่าเรื่องจิตใจมันสำคัญมากถ้า weak เมื่อไหร่ ให้ทำอะไรก็ไม่อยากทำ ช่าว่าทุกคนก็เป็นแบบนั้น แล้วกายมีปัญหาอะไรอย่างไร ผลพวงมาจากข่าวด้วย แล้วนักข่าวก็มักจะเขียนอะไรกัน ที่เรื่องสิบก็เขียนเป็นห้าสิบ เรื่องห้าสิบก็เขียนเป็นร้อย แล้วกายเขาเป็นเด็ก อ่านหนังสือพิมพ์แล้ว เขาจะไม่มีทางเข้าใจหรอก ช่วงที่เขากลับไปเมืองไทยเจอข่าวในหนังสือพิมพ์ เขาก็มาบอกว่า แม่! นี่มันไม่จริงเขาเขียนมาได้ยังไง ช่าก็บอกเขาว่า กาย..ลูก มันพูดยาก เพราะหนังสือพิมพ์เป็นแบบนี้ อะไรที่มันไม่จริงก็อาจจะถูกเขียนออกมา แต่กายเขาก็บอกว่าก็กายไม่เข้าใจ! เพราะหลายๆ อย่างกายเลยต้องกลับมา เที่ยวนี้ที่มาเมลเบิร์นนี่ ที่จริงกายเขาอยากกลับเมืองไทยมาก แต่ช่าบอกว่าอย่าเลยเดี๋ยวกลับไปก็ต้องเจอเรื่องเดิมๆ อยู่ที่นี่พักเอาแรงเสียก่อน และปรับตัวให้เข้ากับสถานที่หน่อย อาจจะเบื่อแต่เพื่ออนาคตของกาย เพราะถ้าไม่เรียนหนังสือมันไม่ได้ ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่มีเรื่องแล้ว ช่าบอกกับทางบริษัทแกรมมี่ฯ ไปแล้วว่าช่าจะหยุดงานสามเดือนเพื่อที่ช่าจะมาหากายที่นี่ แต่พอเกิดเรื่องเราก็ต้องอยู่ที่นี่ และให้กายเขาแข็งแรง และพอดีงานก็เสร็จตามเวลาอย่างที่ช่าตั้งใจ ตอนนี้ก็หยุดพักความรู้สึก เพราะช่าทำงาน 7 วันเลย งานมันหนักตื่นตีห้าเลิกเที่ยงคืน พักก็คือเวลากินข้าว
ได้มาอยู่กับลูกดีไหมครับ
ดีมากเลยค่ะ เพราะได้เป็นตัวของตัวเอง บางทีมันอาจจะไม่ดีตรงที่อยู่กับตัวเองมากเกินไป แต่เราก็ได้ถามตัวเองมากขึ้นด้วยว่าเราทำอะไรอยู่ ปกติแล้ว เพราะอาชีพช่ามันต้องทำอะไรให้คนอื่น ต้องทำอะไรเพื่อคนอื่น แต่ตอนนี้ช่าได้เป็นตัวของตัวเองบ้าง เห็นว่าคุณมาช่า ต้องแบกรับเรื่องค่าเทอมน้องกายสูงมาก ก็ประมาณ เทอมละ 7,000 ขึ้น จำไม่ได้ว่า รวมค่าอีจุ๊กอีจิ๊กน่ะค่ะมันจะเป็นอีกเท่าไหร่
ในฐานะ single mom เลี้ยงลูกอยู่คนเดียวอย่างนี้ทำไง
เลี้ยงลูกอย่างนี้ไม่เคยเหนื่อยเลยค่ะ ถ้ากายเขาเดินไปได้ ก็ไม่เคยเหนื่อยเลย แต่ถ้ากายเริ่มไม่เดิน ไม่เอาแล้ว เราก็เหนื่อย ไม่เสียเงินก็เหนื่อยแล้ว เรื่องเงินมันก็ประมาณนึงน่ะ ทำได้แค่ไหนก็ทำเท่านั้น แล้วเห็นเหนื่อยๆ อย่างนี้มีบ้างไหม ตอนเช้าบอกกับตัวเองว่า นี่มาช่า จะลุกจากเตียงไหม? ไม่อยากลุกจากเตียง บ่อยมากกก (เน้น) นี่คือนิสัยเลยบางทีมาเมลเบิร์น ช่วงที่กายไปโรงเรียนน่ะค่ะ ก็นอนนิ่งๆ สองวัน ดูวิดีโอ อยากดูอะไรที่อยากดู แล้วก็บอกตัวเองว่านี่อยู่เมลเบิร์นนะ ไม่คิดจะลุกออกไปเดินเหินดูอะไรเลยหรือ แต่บางทีมันไม่มีแรง ก็เลยนอนนิ่งๆ มันเหนื่อยมาก แต่ไม่ยอมแพ้นะ ช่าว่านิ่งๆ แบบนี้เวลาเหนื่อยมันจะดีที่สุด แล้วช่าจะชอบมากเลย บางทีที่นอนอยู่ที่บ้าน เด็กที่บ้านต้องมาเคาะห้อง แล้วถามว่าไม่กินอะไรเหรอ ไม่เห็นหน้ามาวันหนึ่งแล้ว ก็ไม่สนใจค่ะกินข้าวนอนดูทีวี หลับๆๆๆ แล้วพอแข็งแรงแล้วใครชวนไปไหนก็มา! ไปกัน แต่นั่นคือการชาร์จแบตของตัวเอง ก็มีกายนี่แหละค่ะเป็นกำลังใจให้ช่าต่อสู้ต่อ งานนี่ก็ด้วยเป็นงานที่ช่ารัก บางทีก็มีเหนื่อยบ้าง ไม่ทำก็ไม่ได้เพราะมีคนรอเราอยู่เยอะมาก แล้วเราจะบอกว่า ตอนนี้เราซอมบี้มากเลย สมองกลวงเลย ทำให้คิดช้าไปสองสามวินาที แต่ไม่มีแบบเบลอไม่รู้เรื่อง
อย่างนี้นี่รักษาสุขภาพยังไงล่ะครับ
ไม่ได้รักษาสุขภาพเลยในปีนี้ เพราะงานหนักมากเลย แต่ปีที่ผ่านมาช่าไปเล่นยิมไปเล่นโยคะ ออกกำลังกาย แต่ปีนี้ช่าต้องใช้เงินเยอะมากน่ะ ใครมีงานมาต้องทำงานแล้วได้เงินก็ทำ ปีนี้เป็นปีที่ไม่รักษาสุขภาพเลย ลุยหมด พอทำงานหนักก็ไม่ได้เจอเพื่อนเลย ไม่ได้เจอมาสามเดือน เพื่อนตั้งแต่เรียน เพื่อนแกรมมี่ฯ เพื่อนนอกสายงานเยอะมาก แต่ไม่ได้เจอ
มาเรื่องเพลงกันบ้างนะครับ คุยกันเบาๆ สบายๆ ครับ ตั้งแต่ร้องเพลงมาชอบเพลงไหนมากที่สุด
เพลงจากคนอื่นคนไกลค่ะ เนื้อหามันตรงที่สุด ไม่ใช่เรื่องรักสามเส้านะคะ เพราะช่าไม่อยากทำตัวไม่ดี คนเขามองหลายมุม บางคนมองถูกบางคนผิด ช่าชอบเพลงนี้คืออยากบอกว่าไม่อยากเป็นคนไม่ดีนะ ชอบที่สุดในชีวิตเลยก็เพลงนี้ แล้วอย่างเพลงเหนื่อยไหมดาวนี้เป็นไงครับ อย่างเหนื่อยไหมดาวนี่ตรงนะ แต่ว่าไม่ชอบเสียงแบบนั้น ตอนนั้นเพิ่งเรียนร้องเพลงได้ 6-7 เดือนก็ออกเทปแล้ว ก็มานั่งฟังแล้วคิดว่าเอ๊..นี่มันแหลมไปไหมนะ คือยังคุมเสียงไม่เป็นน่ะค่ะตอนนั้น ถ้าร้องเพลงเป็นสูงกลางต่ำมันต้องคุมได้ เพิ่งเริ่มมาชอบวิธีการร้องเพลงของตัวเองตอนออกอัลบัม room no.3, re-entry มาจนถึงตอนนี้ ชุดใหม่นี่เป็นไง ก่อนจะมา พี่ดี้ (นิติพงษ์ ห่อนาค) เรียกไปคุยแล้วแหละค่ะว่า ชุดนี้เราจะคุยเรื่องอะไร แต่ว่ากะโหลกช่าแตก ไม่มีเบรนแล้ว ขอช่าจัดการเรื่องลูก เป็นปีนี้เป็น star มาแล้วเป็น actress แล้ว เป็น singer แล้วแต่สิ่งที่ยังไม่ได้เป็นเลยคือ Mother เลยขออยู่กับลูกก่อน คิดว่ามันคงต้องมีน่ะค่ะ แต่ไม่รีบ ค่อยๆ คิด ไม่ต้องตอนนี้ก็ได้ มันเป็นงานอารมณ์น่ะ ช่าไม่ใช่เครื่องจักรนะ ซีนหน้าสั่งให้ร้องไห้ร้องได้เลยไม่ใช่ รอแป๊บนึงนะคะ รอแป๊บนึง
พี่ดี้ก็ไม่ได้เร่งใช่ไหมครับ
ก็ไม่เร่งค่ะ ถ้าไม่จำเป็น แต่อย่างชุดล่าสุดนี่เร่ง เล่นละครไปอัดเทปไป เพราะเพลงมันอยู่ในละครเจ้าสาวมืออาชีพด้วย เพลงมันต้องออกพร้อมละคร แต่บังเอิญเป็นช่วงรีบที่ช่าสบายใจ ไม่มีปัญหาอะไรในตอนนั้น สังเกตมาหลายทีแล้ว จะมีโปรดิวเซอร์ต้องเป็นฝรั่งชื่อ “บรูโน” ชอบบรูโน เพราะบรูโนจะไม่สั่งช่าว่าร้องเพลงยังไง อย่างเวลาเข้าห้องอัดไปนี่ จะสวมหูฟังปุ๊บจะเล่าให้บรูโนฟัง บอกว่าบรูโนฟังไอก่อนนะ แล้วก็เล่าๆๆๆ คือร้องให้ฟัง แล้วพอเขาฟังเสร็จแล้วเขาก็จะบอกว่าโอเคดีหมดเลย แต่…ตรงนี้ขอยูอย่าทำตรงนั้นขนาดนั้นได้ไหม แค่นี้ๆ พอ และนี่คือวิธีการร้องเพลงที่ดี แต่ที่ช่าเจอมาคือสั่งกันให้ร้องเป็นบรรทัดๆ เลยเนี่ย จากบรรทัดนี้ร้องแบบนี้ จากบรรทัดนี้ร้องแบบนี้ มันไม่ใช่ฟีลลิ่งแล้วน่ะมันอึดอัด แต่บรูโนเขาจะปล่อยช่าเลย เขาจะบอกว่ามากไปตบๆ เข้ามาหน่อย อันนี้น้อยไปมากๆ หน่อย
เขาเป็นฝรั่งเข้าใจภาษาไทยแค่ไหน
เขาอยู่เมืองไทยมาหลายปีมากแล้วนะคะ ช่าว่าเขาเข้าใจระบบเพลงไทยแล้วด้วยซ้ำ เมื่อก่อนมาใหม่ๆ นี่เขาทำเพลงแบบไม่รู้เรื่องเลยน่ะ คือฝรั่งมากไง คนไทยฟังไม่รู้เรื่องแน่นอน แต่เดี๋ยวนี้เขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว ช่าบอกเขาไม่เยอะ เขาก็จะเข้าใจเลย แล้วทีนี้พอจะทำงาน ก็จะเกิดอารมณ์รักกันเป็นส่วนตัวขึ้นมา พอจะเปลี่ยนโปรดิวเซอร์ ช่าก็จะต้อง.. (ทำเสียงอ้อน) พี่ดี้ ขอร้องนะ ขอร้อง พี่ดี้ก็บอกว่า บรูโนเขาต้องไปทำอันนั้นอันนี้ พี่ดี้ขอร้องช่ารอก็ได้ มันเหมือนบัดดี้ไปแล้วน่ะ ไม่รู้ว่าจะเจอเขาหรือเปล่าในงานหน้า ถ้าไม่เจอเขาก็จะขอร้องพี่ดี้อีกล่ะ แล้วเขาน่ารักน่ะเขามีกติกา ไม่เอาเปรียบ เขาไม่ขมวดเรามากหรือปล่อยมากไป
จะวิงวอนพี่ดี้ผ่านออสซี่ทิปไหมครับ
จะไปอ้อนวอนถึงหน้าตักพี่ดี้เลยค่ะ จะดูรุนแรงกว่าออสซี่ทิปนิดนึง เพราะทุกทีก็แบบนี้ ตอนแรกก็เกือบจะไม่ใช่บรูโนแล้ว เพราะว่าทำอะไรให้นิกกี้อยู่หรือไงนี่แหละ คือช่าไปบอกพี่ดี้แกมบังคับ please ต้อง!
แล้วความบันเทิงส่วนตัวล่ะครับ ไปดูหนังอะไรมาบ้าง
เรื่องล่าสุดนี่อะไร Kate and Leopold ค่ะดูที่นี่ ถ้าอยู่เมืองไทยต้องไปดูกลางคืน ไปดูที่โรงอาร์ซีเอน่ะค่ะกลางคืนคนจะไม่เยอะมาก แล้วช่าจะไปกับกาย ไปกับเพื่อนบ้าง หรือไปกับน้องชายช่าชื่อปลั๊กที่หาว่าเป็นแฟนกันนี่ล่ะค่ะ รู้สึกอย่างไรเวลามีคนมาปลื้ม ชอบให้เขาทักเราแบบไหน ก็ดีค่ะ ก็ดีใจที่เขาชอบเรานะ แต่อยากให้คนมาชอบช่าที่งานของช่า คือถ้าจะทักกันก็บอกกันแบบ พี่คะเมื่อคืนนี้ละครน่ะที่ออกไปน่ะ มากไปนะ น้อยไปนะ อืม ถ้าตรงนั้นได้อีกนะ อะไรก็ได้ติชมก็ได้ แต่ขอให้มันอยู่ในลักษณะที่ว่าเรารู้ว่าคุณทำงานอะไรอยู่ ไม่ใช่ พี่คะวันนี้อ้วนขึ้น วันนี้ผอมลง I don’t know เดินในตึกแกรมมี่ฯ นี่เหมือนกัน กดลิฟท์ไปชั้น 13 เจอคนอ้าว ฮัลโหลวันนี้ผอมไปหรือเปล่า ..ไม่รู้เหมือนกันน่ะฮะไม่ได้ชั่งน้ำหนัก เดินไปอีกทีชั้น 20 เฮ้ยวันนี้ฉันว่าเธออ้วนขึ้น โอว โอเค ตกลงชั้นนี้ยุบชั้นโน้นพอง ตกลงจะเอาอะไรกันดี ไม่รู้ครับ ก็เป็นช่า แต่ถ้าเฮ้ยเมื่อคืนดูว่ะ มันมาก อย่างนี้เราจะคิดว่าน่าโต้ตอบ หลังๆ มานี่ไว้ผมยาวตลอดเลย ทรงต่อไปนี่ยังไงครับ คิดไว้ว่าไงมั่ง อยากไว้แบบฮิปปี้อีกสักปีสองปี คือเป็นทรงที่แม่ของช่าเขาไว้ เป็นผมยาวตรงเท่ากัน
ช่าชอบ ใช้แชมพูอะไรครับ ผมสวยดี
ใช้สองอัน Tony and Guy กับอีกยี่ห้อหนึ่ง และช่าใช้ super conditioner มาก เพราะผมช่าถูกทำเยอะ ละครเรื่องนี้ทรงนึง เรื่องนี้อีกทรงนึง ไม่งั้นผมช่าจะไม่มีน้ำหนักแล้ว ถ้าเส้นผมมันพูดได้มันคงด่าช่าแล้วล่ะ
แล้วใบหน้าล่ะครับ เผื่อแฟนๆ อยากรู้
ก่อนออกไปข้างนอก ถ้าถ่ายละครบางทีเขาจะเติมหน้าช่าทั้งวัน ช่าจะต้องล้างหน้านานมาก ช่าจะใช้ครีมทาหน้าเยอะค่ะ แต่ไม่จำเป็นสำหรับคนที่ไม่ได้เข้าทีวีหรอก มันจะมีวิตามินบางชนิด ที่ทำงานตอนหลับแบบ night cream นี่ใช้ค่ะ ช่าก็ถามๆ คนที่รู้ด้านนี้มา จาก makeup artist บ้าง จากพี่ๆ ที่เขาเก่งๆ บ้างและขอแนะนำว่าอย่าใช้เกินสามสี่เดือน แต่ไม่ต้องถามนะยี่ห้ออะไรขี้เกียจโปรโมท ไม่ได้ตังค์ด้วย (หัวเราะก๊าก)
คำถามสุดท้าย กินบะหมี่ 4me ของอากู๋ ( คุณไพบูลย์ ดำรงค์ชัยธรรม ) หรือยังครับ
อืม พูดไปนี่จะโดนด่ากันไหมนี่ กลับไปนี่โดนเรียกไหมคะนี่ ขอตอบว่าไม่รู้เรื่องเลย คือรู้ว่าก่อนจะมานี่มันจะมีบะหมี่ของเรา ช่าก็อะไรกันคือบะหมี่ของเรา เขาก็บอกบะหมี่ของแกรมมี่ไง คือให้ลงทุน แต่ความที่ช่าทำงานเยอะ จนเพิ่งรู้ว่ามันชื่อ 4me เพราะฉะนั้นอย่าถามว่ากินหรือยัง แย่มะ ขอโทษทีอากู๋ หนูทำงานเลี้ยงลูกค่ะ และนี่คือบทสัมภาษณ์สนุกๆ อ่านกันสบายๆ เพลินๆ นะครับสำหรับแฟนๆ มาช่า นานๆ ทีมาเยี่ยมกันถึงเมลเบิร์น แถมลูกชายก็เรียนอยู่ที่นี่ด้วย ก็เป็นกำลังใจให้เธอหน่อยนะครับ ทำงานหนักแล้ว ขอเวลาพักผ่อนอยู่กับลูกบ้าง น่าจะสบายใจขึ้น กลับไปเมืองไทยมีผลงานออกมาให้ได้ดูได้ฟังกันอีกครับ